xs
xsm
sm
md
lg

#พาเด็กไทยกลับจีน/ดร.สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เป็นเวลากว่าปีครึ่งที่มีนักเรียนไทยในจีนจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่สามารถกลับไปเรียนต่อที่ประเทศจีนได้ เนื่องด้วยประเทศจีนยังไม่อนุญาตให้นักเรียนต่างชาติกลับเข้าประเทศ ทำให้กลุ่มนักเรียนในไทยจำนวนหนึ่งได้รวมตัวกันเพื่อหาทางกลับไปศึกษาต่อให้ได้ จนทำให้เกิดแฮชแทค #พาเด็กไทยกลับจีน เจ้าลูกชายคนโต “สรวง สิทธิสมาน” เป็นหนึ่งในนั้น และได้รวบรวมถ่ายทอดเรื่องราวถึงปัญหาของนักเรียนไทยในจีนประสบปัญหาอย่างไรผ่านคอลัมน์นี้

………

เป็นเวลากว่าปีครึ่งแล้วที่ผมและเพื่อน ๆ อีกกว่า 20,000 คน ที่เรียกตัวเองว่า “นักเรียนไทยในจีน” หรือ “เด็กไทยในจีน” ไม่สามารถเดินทางกลับไปศึกษาต่อที่แดนมังกรอันเปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองของพวกเรา โดยเหตุผลที่ทราบกันดี

หนึ่ง - เชื้อไวรัสโควิด-19

สอง - ทางการจีนยังไม่เปิดให้ยื่นขอวีซ่านักเรียน

ในช่วงแรกก็พยายามคิดในแง่ดีนะครับ ถือว่าได้อยู่บ้านบ้าง หลังจากห่างบ้านมานานกว่าครึ่งชีวิต แต่ในช่วงหลังผมคิดถึงนครเซี่ยงไฮ้มากเหลือเกิน ทั้งบรรยากาศภายในมหาวิทยาลัย รถไฟความเร็วสูง อาหารจีน ลมหนาวที่ The Bund และการเดินทางด้วยรถไฟใต้ดิน ยิ่งไม่ได้กลับไปนานเท่าไหร่ ยิ่งคิดถึงมากขึ้นอย่างทวีคูณ

ผมนั้นได้มีโอกาสช่วยงานรวบรวมรายชื่อของกลุ่มเครือข่ายนักเรียนไทยในจีนที่พยายามดิ้นรนหาหนทางในการกลับไปเรียนที่จีน จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ผมได้รับความไว้วางใจจากพี่ริว และทีมงาน ผู้เป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนกลุ่มฯ และยังเป็นเสมือนผู้นำทางจิตวิญญาณของเหล่านักเรียนไทยในจีน ณ ขณะนี้ ให้เป็นตัวแทนเด็กไทยในนครเซี่ยงไฮ้ ในการเข้ามาช่วยเหลือด้านการประสานงาน และวางแผนการดำเนินกิจกรรมของกลุ่มฯ ทำให้ผมได้รับรู้ปัญหาอย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น และได้ซึมซับความรู้สึกหิวกระหายอยากกลับจีนของคนในกลุ่ม

โดยปัญหาหลักของเหล่านักเรียนไทยในจีนกว่า 20,000 ชีวิตได้เผชิญมาตลอดเกือบ 2 ปีที่ผมอยากนำมาเล่าในวันนี้มีอยู่ 5 ประการด้วยกัน

ประการแรก - นักเรียนทุน ไม่ว่าจะทุนขงจื๊อ ทุนรัฐบาลจีน และทุนรัฐบาลท้องถิ่น ที่ได้รับทุนเต็มจำนวน คือได้รับทั้งค่าเทอม ค่าหอ รวมถึงค่ากินอยู่ ล้วนไม่สามารถกลับไปเซ็นชื่อรับเงินค่ากินอยู่และค่าหอได้ แม้จะยังคงเรียนฟรีอยู่ แต่นักเรียนทุนหลายคนที่มีฐานะที่ยากลำบาก ตั้งใจชิงทุนนี้มาเพื่อผ่อนเบาภาระให้กับครอบครัว ฉะนั้นแล้วการขาดรายได้ในส่วนนี้จึงเป็นเรื่องใหญ่ ทำให้หลายคนต้องกัดฟันเจียดเอาเวลาเรียนไปช่วยที่บ้านทำงานหาเงินด้วยด้วยความเหน็ดเหนื่อย และยังส่งผลต่อประสิทธิภาพในการเรียน

ประการที่สอง - กลุ่มที่เรียนเฉพาะทาง เช่น นักศึกษาแพทย์ วิศวกรรถไฟ คนที่เรียนวิทยาศาสตร์ ทันตแพทย์ และสาขาอื่น ๆ ที่ก่อนจบจะต้องฝึกงาน ทำการทดลองในแล็บ และลงพื้นที่ในภาคปฎิบัติ หลายคนในกลุ่มนี้ไม่สามารถสำเร็จการศึกษาได้ เนื่องจากยังไม่ได้ผ่านการเรียนในภาคปฏิบัติ ทำให้ต้องจ่ายค่าเทอมและค่าหอเพื่อรักษาสถานะเอาไว้จนกว่าจะได้กลับไปเรียนต่ออีกครั้งที่จีน ซึ่งก็มีบ้างที่แบกรับภาระตรงนี้ไม่ไหวต้องตัดสินใจดรอปเรียน หรือลาออกกลางคันไปเลยก็มี

สรวง สิทธิสมาน
ประการที่สาม - เช่นเดียวกับนักเรียนนักศึกษาที่ไทยเลยครับ คือประเด็นการเรียนออนไลน์ ทำให้ไม่สามารถเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสำหรับพวกเรา มันมีประเด็นเรื่องการใช้ภาษาอยู่ด้วย เหตุผลที่ผมเลือกเรียนคณะภาษาจีนที่ประเทศจีนก็เนื่องจากว่าการเรียนที่จีนจะทำให้ผมมีโอกาสใช้ภาษาจีนในชีวิตประจำวันมากกว่า เพราะการสื่อสารนอกห้องเรียนก็ถือเป็นการฝึกฝนการใช้ภาษาจีนที่ดีมาก ๆ แต่การเรียนออนไลน์ที่ไทยนั้น เลิกเรียนก็กลับมาใช้ภาษาไทย ทำให้การใช้ภาษาจีนของผมในตอนนี้เหมือนมีสนิมเกาะอยู่ คือไม่คล่องแคล่วอย่างตอนใช้ชีวิตอยู่ที่จีน นอกจากนี้ ยังไม่สามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลองค์ความรู้มหาศาลที่ค้นคว้าได้เฉพาะในห้องสมุดในจีนเท่านั้น

ประการที่สี่ - นอกจากประเด็นการเรียน ก็ยังมีเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วยครับ แน่นอนว่าการไปเรียนที่ต่างประเทศนั้น สิ่งที่ได้กลับมามิใช่เพียงแค่ภาษา เรายังได้มีเพื่อนเป็นเพื่อนชาวจีนและชาวต่างชาติอีกด้วย ซึ่งเมื่อเรียนจบแล้ว มิตรภาพเหล่านี้ก็จะกลายเป็น “คอนเนกชั่น” ที่จะสามารถต่อยอดความสัมพันธ์ในด้านอื่นๆ อาทิ การงาน หรือการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วย

เมื่อไม่ได้กลับจีน ทำให้ในตอนนี้เด็กไทยหลายคนเริ่มห่างเหินกับเพื่อน ๆ ชาวจีนที่เคยคบหาอยู่ ซึ่งพวกเราจึงรู้สึกเสียดาย เพราะปฏิเสธไม่ได้เลยครับว่าในอนาคตพวกเราหลายคนจะมีส่วนสำคัญในการติดต่อคบค้ากับประเทศจีน เป็นตัวเชื่อมโยงและต่อยอดความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศที่แน่นแฟ้นเสมือนเป็นพี่เป็นน้องกัน

ประการที่ห้า - สุดท้ายคือเรื่องของประสบการณ์ ยิ่งพวกเราเรียนในไทยนานเท่าไหร่ ก็ยิ่งเสียโอกาสในการเปิดโลกทัศน์ เปิดประสบการณ์ใหม่ ไม่ได้เดินทาง ไม่ได้ฝึกทักษะการใช้ชีวิตในต่างแดน ทั้งยังไม่สามารถเดินทางท่องเที่ยวไปยังสถานที่ท่องเที่ยวอันสุดแสนจะงดงามที่มีลักษณะเฉพาะในแบบของจีน นอกจากนี้ยังไม่สามารถซึมซับวัฒนธรรมท้องถิ่น และแลกเปลี่ยนชุดความรู้ระหว่างคนทั้ง 2 ชาติอีกด้วย

นอกเหนือจากนี้ยังมีอีกสารพัดปัญหา เช่น บางคนทิ้งของมีค่าเอาไว้ที่จีน การจะเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์และเว็บไซต์สำหรับค้นคว้าที่ต้องเข้าผ่าน VPN เท่านั้น

หรือบ้างก็ต้องเลิกรากับแฟนคนจีนเพราะระยะทางทำให้ห่างเหิน

ที่สำคัญที่สุดเมื่อกล่าวโดยภาพรวม กว่าที่เราจะตัดสินใจตั้งเข็มมุ่งมาเรียนต่อที่ประเทศจีน ล้วนใช้เวลาเตรียมตัวและเตรียมใจมากพอสมควร เมื่อมาพบอุปสรรคที่เหนือความคาดหมายกลางทางเช่นนี้ การที่จะเบนเข็มมุ่งไปทิศทางอื่นไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายนัก

หลายคนอาจมองว่ากลุ่มนักศึกษาไทยในจีนจะดิ้นรนทำไม ?

รอก่อนไม่ได้หรือ ?

ประเทศอื่นก็ยังไม่ได้กลับเหมือนกัน-ทำไมถึงคาดหวังว่าไทยจะได้กลับล่ะ ?

ผมก็มักจะตอบคำถามเหล่านี้ว่าก็เพราะเราคือคนไทยไงครับ เราคือ “พี่น้องไทย” ของ “พี่น้องชาวจีน” ผมเชื่อเหลือเกินว่าหากมีคนจากทางภาครัฐมาช่วยผลักดันในเรื่องนี้อย่างจริงจัง ด้วยความสัมพันธ์อันดีเป็นทุนเดิมจะทำให้นักเรียนของประเทศเราสามารถกลับไปก่อนชาติอื่นได้ ถือเป็นการนำร่อง

ซึ่งก็ต้องบอกเลยครับว่าพวกเรายอมทำทุกอย่างทุกเงื่อนไขเพื่อให้ได้กลับ ทั้งฉีดวัคซีนตามที่ทางจีนกำหนด กักตัวที่ไทยก่อน 14 วัน ก่อนจะบินกลับไปกักตัวที่จีนต่ออีก 28 วัน

รวมทั้งยินยอมพร้อมทำตามทุกเงื่อนไขอื่น ๆ ที่ทางจีนจะกำหนด

นี่ไม่ใช่ข้อเสนอที่เป็นสิทธิพิเศษมากเลยครับ ถือว่าเป็นโครงการนำร่องรับนักศึกษาต่างชาติกลับเข้าจีน โดยใช้เด็กไทยเป็นตัวทดลอง เพื่อเป็นการต่อยอดมาตรการและสร้างโมเดลตัวอย่างว่าด้วยมาตรการที่เข้มมากพอ จะสามารถทำให้ทางจีนสามารถเปิดรับนักศึกษาชาติอื่น ๆ กลับไปได้ด้วย Thai back to China Model นี้นั่นเอง

สุดท้ายนี้...

เนื่องในเทศกาลไหว้พระจันทร์ปี 2564 พวกเรานักเรียนไทยในจีนขอให้ทุกคนมีสุขภาพแข็งแรง เปี่ยมด้วยความสุขสวัสดิ์

พวกเราหวังว่าจะได้กลับไปศึกษาต่อที่ประเทศจีนโดยเร็ว

สุขสันต์เทศกาลไหว้พระจันทร์
2021年的中秋节,

กำลังโหลดความคิดเห็น