รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กำชับ จ.สมุทรปราการ เร่งรัดการฉีดวัคซีนโควิด-19 ประชากรกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่ครอบคลุม 70% โดยเพิ่มจุดบริการนอกสถานพยาบาล และที่ รพ.สต. รวมทั้งเพิ่มบริการในวันหยุด เพื่อให้คนในชุมชนเข้าถึงวัคซีนสะดวก รวดเร็ว
วันนี้ (13 ก.ย.) ที่ จ.สมุทรปราการ ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการ จ.สมุทรปราการ และนพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 6 ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์โรคโควิด-19 ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ พร้อมรับมอบเครื่อง X-Ray เคลื่อนที่ยี่ห้อ Shimadzu จาก บริษัท คราทอส จำกัด มูลค่า 3 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการทำงานโรงพยาบาลสนาม สมุทรปราการร่วมใจ 5 ที่ อาคารคลังสินค้า โครงการ WHA Mega Logistics Center Chonlaharnpichit ขนาด 1,200 เตียง ที่ให้การดูแลผู้ป่วยโควิด 19 ทั้งชาวไทยและต่างด้าว ข้อมูลวันนี้ มีผู้ป่วยรักษาอยู่ 816 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้ติดเชื้อกลุ่มสีเขียวที่ไม่มีอาการหรืออาการน้อย
ดร.สาธิต กล่าวว่า ในวันนี้ได้ลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์และให้กำลังใจบุคลากร เจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ดูแลผู้ติดเชื้อโควิด19 แม้ว่าสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย แต่ยังคงพบผู้ติดเชื้อต่อเนื่อง โดยในวันนี้ จ.สมุทรปราการ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 443 คน จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมรวม 93,996 คน ซึ่งบุคลากรทางการแพทย์ทุกคนยังต้องทำงานหนักเพื่อดูแลผู้ป่วยทุกคนให้ดีที่สุด ทั้งนี้ ได้กำชับให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดและผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมุทรปราการ เร่งรัดการฉีดวัคซีนให้กับประชากรเป้าหมายในพื้นที่ให้ครอบคลุม 70% ให้จัดจุดบริการนอกสถานพยาบาลและที่ รพ.สต. เพื่อให้คนในชุมชนเข้าถึงวัคซีนให้มากที่สุด รวมทั้งให้โรงพยาบาลสมุทรปราการบริการฉีดวัคซีนในวันหยุดด้วย โดยได้นัดหมายประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนเฉลี่ยวันละ 1,600-2,000 คน เฉพาะวันนี้ฉีดไป 1,687 คน
สำหรับการดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19 โรงพยาบาลสมุทรปราการมีเตียงรองรับผู้ป่วยโควิดรวม 300 เตียง ในจำนวนนี้เป็น ICU โควิด 55 เตียง รองรับผู้ป่วยที่มีอาการปานกลางและอาการหนัก ส่วนผู้ป่วยที่ไม่มีอาการหรืออาการน้อยส่งไปดูแลที่โรงพยาบาลสนาม และอีกส่วนหนึ่งจะเข้าระบบ HI /CI ซึ่งระบบนี้ช่วยให้โรงพยาบาลสามารถดูแลผู้ป่วยที่มีอาการหนักได้เต็มที่ อย่างไรก็ตาม ต้องขอความร่วมมือประชาชน ขอให้ยึดหลักป้องกันตนเอง ไม่ประมาท สวมหน้ากากอนามัย รักษาระยะห่าง หมั่นล้างมือ งดไปในพื้นที่เสี่ยง และขอให้เข้ารับการฉีดวัคซีนตามนัดหมาย เพื่อลดการป่วยหนักและเสียชีวิต
“ขอให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติหน้าที่ทุกคนที่เสียสละทุ่มเทอย่างหนัก และต่อสู้กับโควิดไปด้วยกัน คาดหวังว่า 3-4 เดือนต่อเดือนต่อจากนี้ เมื่อมีการฉีดวัคซีนครอบคลุมแล้ว สถานการณ์จะดีขึ้น รวมถึงประเทศจะเดินหน้าภาคเศรษฐกิจได้ภายใต้นโยบายรัฐบาล” ดร.สาธิต กล่าว