กรมควบคุมโรค พร้อมให้การสนับสนุนฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ป้องกันโรคโควิด-19 ให้กลุ่มเด็กนักเรียนอายุ 12 ปีขึ้นไป ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 นี้ เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเปิดเทอมเด็กได้ไปโรงเรียน ตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ยันวัคซีนมีความปลอดภัยและมีจำนวนเพียงพอ ขอให้ผู้ปกครองมั่นใจ พร้อมทั้งวางแผนเตรียมขยายผลฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กลุ่มบุคลากรทางการศึกษาในระยะต่อไปด้วย
วันนี้ (13 ก.ย.) ในการแถลงข่าวและเสวนาร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ เรื่องการเตรียมความพร้อมเปิดภาคเรียน 2/2564 สถานศึกษาปลอดภัยเด็กได้รับวัคซีนถ้วนหน้า นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อบุคลากรทางการศึกษา นักเรียน และกลุ่มผู้ปกครอง ต้องปิดการเรียนการสอนในโรงเรียน นักเรียนต้องเรียนผ่านระบบออนไลน์ที่บ้านแทน เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มวัยมีภูมิคุ้มกันโรคอย่างเพียงพอ ดำเนินชีวิตอยู่กับโรคโควิด-19 ได้ โรงเรียนทุกแห่งเปิดเทอม นักเรียนสามารถไปเรียนหนังสือได้ตามปกติ การฉีดวัคซีนจะเป็นอีกเครื่องมือสำคัญที่ช่วยในการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาด ซึ่งกรมควบคุมโรคพร้อมให้การสนับสนุนการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในกลุ่มนักเรียนตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการและนโยบายของรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ประชาชนทุกคนจะต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันส่วนบุคคลขั้นสูงสุดแบบครอบจักรวาลควบคู่กันไปด้วย เช่น ใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือ เว้นระยะห่าง เป็นต้น จะส่งผลให้การป้องกันควบคุมโรคเกิดประสิทธิภาพอย่างสูงสุด
นายแพทย์โอภาส กล่าวต่อไปว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ขึ้นทะเบียน และอนุมัติให้ใช้วัคซีนไฟเซอร์ ฉีดในเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปได้ ซึ่งแผนการจัดหาวัคซีนในเดือนตุลาคมที่จะได้รับวัคซีนรวมทั้งสิ้นประมาณ 24 ล้านโดส รวมกับวัคซีนซิโนฟาร์มจากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์อีกจำนวน 6 ล้านโดส รวมเป็น 30 ล้านโดส ซึ่งในจำนวนนี้มีวัคซีนของไฟเซอร์ จำนวน 8 ล้านโดส ตามมติที่ประชุมของของ ศบค. เมื่อวันที่ศุกร์ที่ 10 กันยายน 2564 มีมติให้จัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ จำนวน 4.8 ล้านโดส ให้กับกลุ่มนักเรียนอายุ 12-17 ปีทั่วประเทศ ทั้งนี้ กำหนดให้บริการฉีดวัคซีน ผ่านสถาบันการศึกษาดังนี้ คือ โรงเรียนมัธยมศึกษาสังกัดรัฐบาลและเอกชน สถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน โรงเรียนพระปริยัติธรรม สถาบันการศึกษาปอเนาะ และสถาบันการศึกษาอื่นๆ ที่มีผู้มีอายุ 12 ปีขึ้นไป กำลังศึกษาอยู่ เป็นต้น โดยกรมควบคุมโรคจะหารือกับกระทรวงศึกษาธิการเพื่อวางแผนจัดระบบความพร้อมก่อนฉีดโดยเร็ว ทั้งนี้ ผู้ปกครองต้องแสดงความจำนงให้นักเรียนในปกครองฉีดวัคซีนโควิด-19 ล่วงหน้า
“การฉีดวัคซีนโควิด-19 จะคำนึงถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัยเป็นหลัก วัคซีนที่ใช้ในประเทศไทยขณะนี้ ทุกตัวผ่านการรับรองจากองค์การอนามัยโลกและขึ้นทะเบียนรับรองจาก อย. จึงขอให้ผู้ปกครองนักเรียน ทุกคนมั่นใจในเรื่องของความปลอดภัยได้ กระทรวงสาธารณสุขจะทำงานร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการตามนโยบายการฉีดวัคซีนให้เด็กถ้วนหน้าให้ดีที่สุด ยึดประโยชน์ของผู้ปกครองและประชาชนไทยทุกคนเป็นสำคัญ” นายแพทย์โอภาส กล่าว
นายแพทย์โอภาส กล่าวอีกว่า สำหรับการขยายผลฉีดวัคซีนให้บุคลากรทางการศึกษาในโรงเรียนทั่วประเทศตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการนั้น กระทรวงสาธารณสุขจะเร่งดำเนินการ ในระยะต่อไปโดยเร็ว รวมทั้งดำเนินการในกลุ่มของผู้ปกครองนักเรียนบางส่วนที่อาจยังไม่ได้รับวัคซีนด้วย