กระทรวงสาธารณสุข เผยสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 มีแนวโน้มลดลง อัตราครองเตียงผู้ติดเชื้อสีเหลืองและเขียวพื้นที่กทม.และปริมณฑลเริ่มผ่อนคลาย ด้านโรงพยาบาลบุษราคัมผู้ติดเชื้อลดลงกว่าร้อยละ 54 เดินหน้าเร่งฉีดวัคซีนในกลุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะหญิงตั้งครรภ์ เนื่องจากพบติดเชื้อเพิ่มขึ้นและเสียชีวิตมากกว่าปกติ 2.5 เท่า
วันนี้ (29 ส.ค.) ที่สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังประชุมศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีโรคติดเชื้อโควิด-19 ว่า สถานการณ์โควิด-19 ขณะนี้มีแนวโน้มลดลง ส่งผลให้อัตราครองเตียงในพื้นที่ กทม.และปริมณฑลเริ่มผ่อนคลาย โดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยสีเหลืองและเขียว โดยข้อมูลโรงพยาบาลบุษราคัม ล่าสุด ณ วันที่ 28 สิงหาคม 2564 มีผู้ป่วยอยู่ระหว่างการรักษาทั้งสิ้น 1,905 ราย ลดลงจากสัปดาห์ก่อนที่มีผู้ติดเชื้อ 3,526 รายถึงร้อยละ 54 ส่วนศูนย์แรกรับและส่งต่อนิมิบุตร พบอัตราครองเตียงล่าสุด จำนวน 94 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยสีเขียว 54 ราย สีเหลือง 34 ราย และสีแดง 6 ราย
นายแพทย์เกียรติภูมิ กล่าวต่อว่า สำหรับสถานการณ์ในภูมิภาคยังคงพบการระบาดภายในชุมชนสถานประกอบการ ตลาด แคมป์คนงาน ได้กำชับให้ตรวจคัดกรองเชิงรุกด้วยชุดตรวจ ATK และนำผู้ติดเชื้อเข้าสู่ระบบการแยกกักตัวที่บ้านและชุมชน เพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อสู่ผู้อื่น อย่างไรก็ตามขณะนี้การติดเชื้อยังคงพบจากบุคคลใกล้ชิดในครอบครัว นำเชื้อแพร่สู่กลุ่มเสี่ยงที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนจนทำให้มีการเสียชีวิต จึงได้เน้นย้ำให้เร่งฉีดวัคซีนในกลุ่มเสี่ยง 608 ได้แก่ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป, 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง และโดยเฉพาะหญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป เนื่องจากมีรายงานพบการติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น และเสียชีวิตมากกว่าปกติ 2.5 เท่า และเพื่อให้ได้ตามเป้าหมายพื้นที่สีแดงเข้มครอบคลุมอย่างน้อยร้อยละ 70 ส่วนจังหวัดที่เหลือมากกว่าร้อยละ 50
สำหรับการฉีดวัคซีนโควิด 19 ถึงวันที่ 28 สิงหาคม 2564 ฉีดวัคซีนสะสม 30,679,289 โดส เป็นเข็มที่ 1 จำนวน 22,807,078 โดส เข็มที่ 2 จำนวน 7,287,885 โดส เข็มที่ 3 จำนวน 584,326 โดส อย่างไรก็ตามวันนี้ที่ประชุมกระทรวงสาธารณสุขมีมติมอบให้กรมควบคุมโรคพิจารณาแผนการฉีดวัคซีนในกลุ่มบุคคลทั่วไปและการกระตุ้นเข็ม 3 ซึ่งกรมควบคุมโรคจะได้ประชุมคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำเสนอที่ประชุมในสัปดาห์หน้า และเตรียมกระจายวัคซีนซิโนแวค 1.5 ล้านโดสไปยังพื้นที่ภูมิภาค