พวกเราเติบโตมาจนถึงวันนี้ไม่มีใครปฎิเสธได้ว่า ตัวเองไม่เคยผ่านมรสุมของปัญหาชีวิต บางคนผ่านปัญหามานับสิบ นับร้อย แต่ในที่สุด ชีวิตเราก็ดำเนินต่อไปได้ถึงวันนี้
ในช่วงนี้หลายคนมีชีวิตที่ไม่สุขสบายเหมือนเดิม รู้สึกอัดอัดบ้าง ถึงอย่างไรก็อย่าลืมว่า เราทุกคนไม่สามารถแก้ไขปัญหาทุกอย่างในโลกนี้ได้หรอก และที่สำคัญ อย่าดูถูกศักยภาพตัวเอง เพราะพลังความกล้าหาญที่จะคิดบวกของคน ๆ หนึ่งมันก็คือสิ่งที่ติดต่อกันได้เหมือนกัน เมื่อไรที่เราคิดดี คิดบวก พลังดี ๆ มันก็ส่งผลต่อร่างกายเรา การทำงานของ และการใช้ชีวิต คำพูด การแก้ปัญหา หากเรามีกำลังใจ มันเป็นพลังดีส่งต่อ ๆ ไปยังคนอื่นโดยไม่รู้ตัว
บางครั้งเรื่องร้าย ๆ ไม่ต้องเขียนระบายก็ได้ เราไม่ต้องกลัวว่าข่าวร้าย ๆ คนอื่นจะไม่ได้รับรู้ ไม่ต้องกลัวว่าโลกนี้จะมีความรู้มืดบอด หากไม่ได้อ่านคำพูดเขียนวิจารณ์ ขุด ค้น เรื่องร้าย ๆ ว่าเล่ากันไม่เว้นแต่ละวัน เพราะสำนักข่าวมีมากมายทั่วโลก ออกข่าวกันไม่เว้นนาที ไม่งั้นนักข่าวคงตกงานกันมากมาย นักข่าวแต่ละท่านก็มีความสามารถในการหาข่าว สืบค้นข้อมูลกันอยู่แล้ว
แต่เรื่องราวที่เป็นกำลังใจให้กันน่ะสิ หาอ่านยากนักในช่วงนี้ อ่านไล่ฟีดไป มีแต่การเขียนระบายความคลั่งแค้น เหน็บแนม มันไม่ใช่สิ่งที่มาจากกุศลจิต หรือจิตที่มาจากการฝึกเลย ซึ่งหากมีจิตเมตตากรุณาต่อผู้อื่น ลองคิดดูว่า การเขียนเรื่องราวแสดงความกังวล ด่าทอ ต่อว่า ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย และไม่ใช่สัจธรรมของชีวิตด้วยไม่ได้ทำให้คนจนมีทางทำมาหากิน ไม่ได้ทำให้คนตกงานได้งานทำ บางครั้งเขียนก้าวล่วงเกินไป ถูกฟ้องกันเป็นแสนเป็นล้านสร้างภาระล้นพ้นตัวกันไปอีก
"Keep calm and carry on." "The only thing we have to fear is fear itself." "Don't worry, be happy."--President Franklin Roosevelt's 1993 inaugural address
"สิ่งที่น่ากลัวที่สุด คือความกลัวของเราเอง"
บางคนอาจรู้สึกไม่เห็นด้วย และมองว่าคงเป็นเรื่องแปลกไม่น้อย ถ้าในช่วงวิกฤตนี้เราจะยังคงรู้สึกคิดบวกได้ตลอดเวลา คำคมข้างบนนี้เป็นมุมมองการใช้ชีวิตจาก ช่วงสงครามโลก War Depression ที่เอาไว้ปลอบโยนคนให้มีกำลังใจฮึดสู้ในการใช้ชีวิตต่อไป มันอาจดูแล้วเป็นความจอมปลอมสำหรับบางคนที่คิดว่า แค่ประโยคสั้น ๆ มันจะทำให้คนลุกขึ้นสู้ได้จริงหรือ แต่คำคมเหล่านี้ คือมุมมองที่อยู่ในใจคนมาเป็นเกือบร้อยปี เพราะมันสะท้อนความเป็นจริงของชีวิต หากคำเหล่านี้ไม่มีค่าอะไร ก็คงไม่เป็นที่จดจำจนถึงปัจจุบัน
แต่ไม่ใช่เรื่องยากเช่นกันที่จะฝึกคิดในเชิงบวกไว้ และยังเป็นเรื่องปรกติด้วยซ้ำที่จะใช้ชีวิต ตามวิถีชีวิตเชิงบวก เพราะมันคือการใช้ชีวิตโดยเลือกมุมมองที่จะเข้าใจ การด่า ต่อว่าด้วยคำพูดแรง ๆ คือทางตันของการแก้ปัญหาจริง ๆ
ชีวิตคนเราปรกติแม้ในยามที่ไม่มีปัญหาโรคระบาดโควิด เราก็มีปัญหาแต่ละวันถาโถมเข้ามาอยู่แล้ว แต่พอมีปัญหาเรื่องโรคระบาด มันเป็นเรื่องที่ทำให้เราระวังตัวและ จดจ่อ ตั้งมั่นกับการใช้ชีวิตมากขึ้น เรียนรู้ที่โดยอัตโนมัติว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตแน่ ๆ
วิกฤตโควิดไม่ได้ทำให้โจรหรืออาชญากรรมมากขึ้นหรอก คนเหล่านั้นที่เป็นมิจฉาชีพ มีแรงจูงใจจากภายใน ที่เป็นสิ่งชั่วร้ายพร้อมจะกระทำการมิชอบอยู่แล้ว ไม่ว่าฟ้าฝนไม่เป็นใจ คนอยากเลว ยังไรในที่สุดก็เลว แต่หากจิตใจฝักใฝ่อยากดีต่างหาก อันนี้ถือว่าเป็นบัวที่ใกล้พ้นน้ำแล้ว น่าช่วยเหลือ อย่าวงยิ่ง
สิ่งที่เราต้องกลัวที่สุด คือความกลัวของเรานั่นเอง และผู้ชนะในสงครามโรคระบาดครั้งนี้ คือคนที่สามารถสร้างความเข้มแข็งอย่างแท้จริงในจิตใจ ความคิด แบบไม่ปริปากบ่นเพื่อสร้างความลำบากให้ใคร
ไม่มีสิ่งใดในโลกน่ากังวล เพราะเกิดมาเป็นชีวิตอย่างไรก็หลีกไม่พ้นปัญหา หากจะเป็นคนต้องมีปัญหาอย่าไปกลัวที่จะเจอ แต่ให้ทำใจยอมรับเข้าใจมัน เหมือนสุภาษิตฝรั่งที่สอนว่าให้เรารู้จัก "Dance in the rain."
ความกังวลเหมือนเก้าอี้โยก ที่ทำให้เราสั่นคลอน แต่ท้ายที่สุด เก้าอี้ตัวนั้นก็ไม่ล้มสักที ความกังวลเช่นกัน อาจทำให้เราเซไปบ้าง แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เราชีวิตพังไปได้หรอก หากเราไม่ไปใส่ใจมัน และตั้งสติว่าอะไรคือปัญหา
กลัวให้มันน้อยหน่อย แต่เข้าใจสถานการณ์ให้มันมากกว่านี้ สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตมันก็มีแค่สองทาง คือ ดีขึ้น หรือแย่ลง แต่การที่เรารู้สึกว่าเรามาถึงทางตันของบางปัญหา มันก็เป็นจุดเริ่มต้นใหม่ของสิ่งใหม่ ๆ เหมือนกัน
แต่ละวันมีอะไรให้ทำมากมาย "Better to be busy than to be busy worrying." อย่าไปรอว่าเมื่อไรปัญหาจะจบซักที และควรเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตอยู่กับปัญหาให้ได้ ปํญหาทุกปัญหาหากมองให้ดี ๆ มันก็ไม่ได้ทำร้ายเราได้ถึงไหนหรอก แต่ที่แน่ ๆ ถ้าเราจะสู้ มันทำให้เราเข้มแข็งขึ้นมาก วินสตัน เชอร์ชิล เคยกล่าวไว้ว่า หากเราจะต้องเดินฝ่าขุมนรก จนเดินฝ่ามัน แม้ปัญหาจะถ่าโถมประดังประเด แต่ชีวิตเรายังอยู่ ทุกอย่างมันจะลงจบลงด้วยดี ถ้ามันยังจบลงไม่ดี มันอาจจะยังไม่ได้จบจริง ๆ ก็ได้
“We do not need magic to change the world, we carry all the power we need inside ourselves already: we have the power to imagine better.” - J.K. Rowling
ครูฮ้วง
-----------------
ครูฮ้วง-เสาวลักษณ์ ลี้รุ่งเรืองพร เจ้าของสถาบัน Campus Genius Center ผู้สอนหลักสูตรติวเข้มเพื่อการสอบ SAT ด้วยแนวคิดแบบ Critical Thinking ที่ช่วยให้นักเรียนสามารถยื่นคะแนนเข้าเรียน และประสบความสำเร็จในการเรียนคณะอินเตอร์ทั้งในและต่างประเทศ