เข้าใจความห่วงใยของพ่อแม่ผู้ปกครอง กรุงเทพมหานครจัดตั้งศูนย์พักคอยสำหรับเด็กเพื่อส่งต่อ บริเวณศูนย์สร้างสุขทุกวัยเกียกกาย เขตดุสิต รองรับเด็กป่วยโควิด-19 ด้วยระบบบริหารจัดการที่มีมาตรฐานครบครัน พร้อมจัดทีมแพทย์ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง ลดความกัดดันทั้งพ่อแม่และเด็กๆ ในช่วงเวลาที่ต้องห่างจากกัน
“ศูนย์พักคอยสำหรับเด็กเพื่อส่งต่อ บริเวณศูนย์สร้างสุขทุกวัยเกียกกาย เขตดุสิตแห่งนี้ รับเด็กป่วยโควิดที่มีอายุตั้งแต่ 3-14 ปี เพื่อแยกผู้ป่วยเด็กที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ เข้ามาเพื่อแยกกักตัวออกมาจากครอบครัว ลดความกดดันของเด็กที่ต้องแยกกักตัวจากพ่อแม่ ช่วยดูแลลูกหลานที่ติดเชื้อโควิด-19 ให้กับพ่อแม่ผู้ปกครอง โดยไม่ต้องเป็นห่วงลูก และไม่ต้องกังวล เพราะมีการดูแลอย่างใกล้ชิดจากทีมแพทย์ เจ้าหน้าที่ อาสาสมัครพี่เลี้ยงเด็ก และครูอาสาคอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง โดยสามารถรองรับผู้ป่วยเด็กได้ 52 เตียง มีกิจกรรมและของเล่นตามช่วงวัย เพื่อให้เด็กได้มีกิจกรรมผ่อนคลายความเครียด เมื่อต้องอยู่ห่างจากพ่อแม่
การแพร่ระบาดที่รุนแรงในช่วงเวลานี้ ขอขอบคุณทีมแพทย์ทุกคนที่ทำงานหนักเพื่อรักษาผู้ป่วยทุกคนให้ปลอดภัย และขอขอบคุณทีมแพทย์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช เจ้าหน้าที่สาธารณสุข เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ที่ช่วยกันจัดตั้งศูนย์พักคอยดูแลเด็กที่ป่วยโควิดแห่งนี้ เพื่อช่วยลดการแพร่ระบาดในครอบครัวและในชุมชนให้ได้มากที่สุด” พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงความสำคัญของการจัดตั้งศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ (Community Isolation) สำหรับเด็ก
ต้องยอมรับว่า การติดเชื้อโควิด-19 ภายในครอบครัว จากผู้ใหญ่สู่เด็ก เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ และทำให้หลายๆ ครอบครัวต้องแยกจากกัน เพื่อเข้าพักรักษาตัวตามสถานพยาบาลต่างๆ ซึ่งในสถานการณ์เช่นนี้ พ่อแม่ผู้ปกครองก็อดเป็นกังวลไม่ได้
ด้วยการเล็งเห็นถึงปัญหาดังกล่าว กทม. จึงได้จัดตั้งศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ (Community Isolation) สำหรับเด็กอายุระหว่าง 3-14 ปี ที่มีผลตรวจรับรองว่าติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่ 6 กลุ่มเขตขึ้น ภายในบริเวณศูนย์สร้างสุขทุกวัยเกียกกาย เขตดุสิต โดยมีทีมแพทย์จากวชิรพยาบาล เป็นผู้บริหารจัดการผู้ป่วยเด็ก รวมทั้งอาสาสมัคร พี่เลี้ยงเด็ก ครูอาสาคอยดูแลอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง
นายเฉลิมพล โชตินุชิต ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาสังคม กรุงเทพมหานคร กล่าวถึงการดำเนินงานของศูนย์ประสานช่วยเหลือเด็กติดเชื้อโควิด-19 นำร่องพื้นที่กรุงเทพฯ โดยเริ่มต้นจากการแยกผู้ป่วยออกมาจากบ้าน ผ่านการคัดกรองจากศูนย์เอราวัณ เมื่อพบผู้ป่วยที่อยู่ในกลุ่มสีเขียว จะดำเนินการประสานฝ่ายเทศกิจ สำนักงานเขต ที่ผู้ป่วยมีที่พักอาศัยในพื้นที่เขต นำส่งไปยังศูนย์พักคอยฯ สำหรับเด็ก เพื่อคัดกรองอาการและดูแลในเบื้องต้น จากกุมารแพทย์จิตอาสา หากผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง จะส่งต่อไปรักษายังโรงพยาบาล เมื่อหายป่วยจะนำส่งผู้ป่วยกลับบ้าน
“ทั้งนี้ สำนักพัฒนาสังคมได้ส่งนักสังคมสงเคราะห์ให้คำปรึกษาแนะนำข้อตกลงระหว่างอยู่ในศูนย์พักคอยฯ รวมทั้งบันทึกสภาพปัญหาของเด็ก พูดคุยกับเด็ก เพื่อลดความเครียด ตลอดจนประสานผู้ปกครองเพื่อรับตัวเด็กกลับบ้าน” นายเฉลิมพล กล่าว
ขณะที่ นายดิชา คงศรี ผู้อำนวยการเขตดุสิต ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเกณฑ์ในการรับเด็กที่ติดเชื้อโควิด-19 มารักษาในศูนย์พักคอยเด็กฯ โดยจะต้องมีผลตรวจยืนยันว่าติดเชื้อโควิด-19 มีหนังสือยินยอมจากผู้ปกครองในการพักรักษา และไม่มีโรคประจำตัว เช่น โรคอ้วน โรคหอบ เป็นต้น ส่วนกรณีที่พบว่าเด็กมีโรคประจำตัว ศูนย์พักคอยเด็กฯ จะส่งต่อให้กับโรงพยาบาลเด็ก เพื่อทำการรักษาต่อไป
“ณ เวลานี้ ศูนย์พักคอยเด็กฯ สามารถรองรับผู้ป่วยเด็กได้ 52 เตียง แบ่งเป็นชาย 26 เตียง และหญิง 26 เตียง มีการแบ่งแยกพื้นที่เป็นสัดส่วน นอกจากนี้ ยังมีมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างครบถ้วนรอบด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ด้านสุขอนามัย จุดคัดกรองผู้ป่วย จุดวัดอุณหภูมิ และวัดค่าออกซิเจน จุดบริการอาหาร และน้ำดื่ม มีการติดตั้งเตียงพร้อมที่นอน ตรวจสอบและติดตั้งระบบไฟฟ้าเพิ่มเติม ระบบเสียงตามสาย ระบบรักษาความปลอดภัย CCTV ระบบอินเทอร์เน็ต พร้อมทั้งติดตั้งพัดลม ฉีดพ่นยากำจัดยุงลาย ทำความสะอาดห้องน้ำ จัดตั้งระบบบำบัดน้ำเสีย ระบบกำจัดขยะทั่วไป และขยะติดเชื้อ ” ผู้อำนวยการเขตดุสิต กล่าว
นอกจากนี้ ยังมีการสื่อสารสร้างความเข้าใจกับประชาชนที่พักอาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียง รวมทั้งจัดเตรียมเจ้าหน้าที่เทศกิจ และประสานกับสถานีตำรวจนครบาลในพื้นที่ ให้ดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อย และความปลอดภัย โดย นายดิชา คงศรี กล่าวย้ำว่า ถ้าผู้ปกครองท่านใด ซึ่งอาศัยใน กรุงเทพฯ และบุตรหลานของท่านติดเชื้อโควิด-19 ต้องการให้เด็กพักรักษาตัวในศูนย์พักคอยเด็กฯ แห่งนี้ ก็สามารถติดต่อประสานผ่านศูนย์เอราวัณ โทร. 1669 หรือติดต่อผ่านศูนย์สาธารณสุขฯ ได้
ด้าน “ชุติสา ศาสตร์สาระ” นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ หัวหน้าฝ่ายพัฒนาชุมชนและสวัสดิการสังคม สำนักงานเขตดุสิต กล่าวถึงการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในศูนย์พักคอยเด็กฯ ว่าในแต่ละวัน ช่วงเช้าจะมีการประกาศให้เด็กๆ ตื่นขึ้นมาทำกิจวัตรประจำวัน จากนั้น ให้เด็กส่งตัวแทนมารับอาหาร ผลไม้ และขนม ซึ่งจะทำแบบนี้ ทั้งมื้อเช้า กลางวัน และมื้อเย็น เพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อระหว่างเด็กกับเจ้าหน้าที่อาสาให้มากที่สุด
“หากเด็กมีการแพ้อาหาร หรือนับถือศาสนาอิสลาม ผู้ปกครองสามารถแจ้งกับเจ้าหน้าที่ได้ในเบื้องต้นก่อนเข้ารับรักษาในกรณีที่เด็กเกิดอาการหวาดกลัว กังวลใจ หรือมีอาการป่วยต่างๆ จะมีหมอเด็กคอยพูดคุยดูแลรักษาอาการเบื้องต้น หรือการบันทึกวิดีโอส่งให้วินิจฉัยอาการนั้นๆ และหากมีอาการที่จำเป็นจะต้องเข้ารักษาพยาบาล ก็สามารถส่งเข้าโรงพยาบาลได้ทันที” ชุติสา ศาสตร์สาระ กล่าว พร้อมทั้งบอกว่ารู้สึกยินดีที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการทำหน้าที่ช่วยเหลือผู้อื่นในสถานการณ์วิกฤตแบบนี้และจะทำหน้าที่ซึ่งได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด
ขณะที่ “อรพรรณ บางยี่ขัน” ผู้ปกครองของเด็กหญิงอายุ 7 ขวบ ซึ่งติดเชื้อโควิด-19 และเข้ารับรักษาตัวในศูนย์พักคอยเด็กฯ เขตดุสิต เป็นเวลา 14 วัน จนหายเป็นปกติ กล่าวขอบคุณด้วยความรู้สึกประทับใจในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ซึ่งมีการบริการอย่างจริงใจ และมีการจัดระบบการดูแลอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังสามารถติดต่อสื่อสารกับเจ้าหน้าที่และเด็กได้อย่างสะดวก เมื่อต้องการทราบอาการของเด็กในแต่ละวัน ทำให้ตนเองมีความกังวลใจน้อยลง
เรียกได้ว่า ศูนย์พักคอยสำหรับเด็กแห่งนี้ เป็นอีกหนึ่งสถานที่ในการดูแลและรักษาเด็กที่ป่วยเป็นโควิด-19 ได้อย่างมีมาตรฐาน และมีระบบการบริหารจัดการอย่างดีเยี่ยม อีกทั้งทางศูนย์ฯ ยังมีกิจกรรมและของเล่นตามช่วงวัย เพื่อช่วยให้เด็กๆ ได้รับความผ่อนคลายในระหว่างที่อยู่ในศูนย์แห่งนี้ด้วย