พบผลลัพธ์ที่น่าพอใจอย่างมาก เมื่อผู้ป่วยโควิดจำนวนไม่น้อยภายในศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อของ กทม. ได้รับการรักษาจนหายเป็นปกติและกลับบ้านได้ ยกตัวอย่างศูนย์พักคอยฯ เขตบางแค มีผู้ป่วยโควิดรักษาหายและกลับบ้านได้สูงถึงวันละ 15-20 ราย ด้านปลัด กทม. เผยพร้อมเปิดรับผู้ป่วยกว่า 60 แห่งทั่วกรุงเทพฯ
นางศิลปสวย ระวีแสงสูรย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่ยังคงมีอย่างต่อเนื่องและแพร่กระจายเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะในชุมชนต่าง ๆ ส่งผลให้มีผู้ป่วยโควิด-19 ตกค้างรอเตียงอยู่เป็นจำนวนไม่น้อย เพื่อแก้ไขบรรเทาปัญหาดังกล่าว พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จึงได้มีนโยบายในการจัดตั้งศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ (Community Isolation : CI) ให้ได้มากที่สุด เพื่อรองรับผู้ป่วยโควิดที่ไม่แสดงอาการ (กลุ่มสีเขียว) เพื่อคัดกรองอาการและดูแลเบื้องต้นอย่างถูกวิธี ขณะรอการส่งต่อไปรักษาที่โรงพยาบาล ในกรณีที่มีอาการรุนแรงขึ้น โดยเริ่มเปิดศูนย์พักคอยฯ ในพื้นที่ที่มีความพร้อมและทยอยเปิดมาอย่างต่อเนื่อง จนถึงขณะนี้ ได้จัดตั้งศูนย์พักคอยฯ แล้ว 65 แห่งทั่วกรุงเทพฯ เปิดให้บริการแล้ว 48 แห่ง (ข้อมูล ณ วันที่ 6 สิงหาคม 2564 เวลา 15.15 น.)
“การจัดตั้งศูนย์พักคอยฯ เป็นการช่วยแยกตัวผู้ติดเชื้อโควิดออกมาจากบ้านและชุมชน และสามารถเริ่มต้นให้ยารักษาตามอาการ และการวินิจฉัยของแพทย์ทันที หากอาการรุนแรงขึ้นก็สามารถส่งต่อไปยังโรงพยาบาลเครือข่ายได้อย่างรวดเร็ว จากรายงานของสำนักงานเขตที่ดูแลศูนย์พักคอยฯ ในพื้นที่ พบว่า มีผู้ป่วยที่เข้าพักในศูนย์พักคอยฯ จนครบกำหนด 14 วันโดยไม่มีอาการรุนแรง และหายเป็นปกติกลับบ้านได้แล้วหลายราย” ปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าว
โดยศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อเขตบางแค บริเวณศูนย์สร้างสุขทุกวัยบางแค (เรืองสอน) เป็นอีกหนึ่งศูนย์พักคอยฯ ที่ผู้ป่วยโควิดได้รับการดูแลรักษาจนหายเป็นปกติแล้ว และสามารถกลับบ้านได้เป็นจำนวนไม่น้อย นางสาวรุจิรา อารินทร์ ผู้อำนวยการเขตบางแค เปิดเผยว่า ตั้งแต่เปิดให้บริการ ศูนย์พักคอยฯ รับผู้ป่วยรวมทั้งสิ้น 424 ราย ส่งต่อทั้งสิ้น 87 ราย และส่งกลับไปที่พักอาศัย 205 ราย หรือคิดเป็น 48.35% (ข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 3 ก.ค. 64)
“จะเห็นได้ว่า เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วยที่หายเป็นปกติมีสูงมาก ซึ่งเขตบางแคเชื่อว่า ตัวเลขนี้จะสูงขึ้นเรื่อยๆ และตัวเลขนี้ไม่ได้เพียงแค่บอกว่าศูนย์พักคอยฯ สามารถรักษาผู้ป่วยเหล่านี้ให้หายได้ แต่ยังสามารถช่วยลดภาระของโรงพยาบาลและบุคลากรด่านหน้าได้อีกด้วย ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นว่า ศูนย์พักคอยฯ นั้นเป็นทางเลือกที่ปลอดภัย พร้อมที่จะให้บริการพี่น้องประชาชน เพื่อการรักษาที่ถูกต้องและรวดเร็วที่สุด”
ผู้อำนวยการเขตบางแค กล่าวเพิ่มเติมว่า ศูนย์พักคอยฯ มีความพร้อมในทุกด้านสำหรับการดูแลผู้ป่วย ด้วยทีมแพทย์ พยาบาล อาสาสมัคร และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมยารักษาและเครื่องมือทางการแพทย์ ไม่ว่าจะเป็น ยาฟาวิพิราเวียร์ ยาฟ้าทะลายโจร ถังออกซิเจน เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว อาหารหลัก 3 มื้อ และของใช้จำเป็นอื่นๆ ให้กับผู้ป่วยด้วย
“ประชาชนไม่ต้องกังวลเรื่องระบบรักษาความปลอดภัย เนื่องจากการคัดเลือกพื้นที่เพื่อจัดตั้งเป็นศูนย์พักคอยฯ นั้นกรุงเทพมหานครได้พิจารณาโดยคำนึงถึงความเหมาะสมและความพร้อมของสถานที่เป็นหลัก ทั้งการเดินทางเข้า-ออก หากมีเคสฉุกเฉิน รวมไปถึงองค์ประกอบอื่นๆ โดยเฉพาะด้านสุขอนามัย ระบบบำบัดน้ำเสีย ระบบรักษาความปลอดภัย CCTV ระบบสื่อสารภายในกับผู้ป่วย และการกำจัดขยะติดเชื้อ เพื่อให้คนในพื้นที่ใกล้เคียงได้รับความปลอดภัยด้วยเช่นกัน”
นางสาวอุทุมพร สุขน่วม รองหัวหน้าคณะทำงานด้านการบริหาร ศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อเขตบางแค กล่าวถึงกระบวนการคัดกรองประชาชาชนที่ต้องการเข้าพัก หลังทราบผลตรวจว่ามีการติดเชื้อ ต้องส่งผลตรวจ RT-PCR ประวัติส่วนตัว รวมถึงอาการเบื้องต้น ก่อนที่พยาบาลจะประเมินว่าเข้าเกณฑ์ของศูนย์พักคอยฯ หรือไม่ ในกรณีเข้าเกณฑ์รับผู้ป่วยทางศูนย์พักคอยฯ จะติดต่อกลับพร้อมประสานรถรับ-ส่งในกรณีที่ผู้ป่วยไม่สะดวกมาด้วยตนเอง ด้านกลุ่มที่ตรวจด้วย Antigen Test Kit (ATK) ทางศูนย์พักคอยฯ จะมีการแยกผู้ป่วยกลุ่มนี้ เพื่อตรวจและยืนยันด้วยผล ตรวจ RT-PCR อีกครั้ง ก่อนนำเข้าสู่กระบวนการรักษาต่อไป
“เมื่อผู้ป่วยเข้ามายังศูนย์พักคอยฯ จะได้รับถุงแรกรับที่ประกอบด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและเครื่องใช้ที่จำเป็น รวมถึงมีพยาบาลประเมินอาการอีกครั้ง ก่อนรักษาตามขั้นตอนจนครบ 14 วันหรือจนกว่าจะหาย ทั้งนี้ ระหว่างที่เข้ารับการรักษา ผู้ป่วยสามารถติดต่อพยาบาลหรือเจ้าหน้าที่ผ่าน Line Official ของศูนย์พักคอยฯ บางแคได้ตลอด 24 ชั่วโมง”
นางสาวอุทุมพร สุขน่วม ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในขณะนี้ ศูนย์พักคอยฯ เขตบางแคสามารถรองรับผู้ป่วยได้มากขึ้น เนื่องจากมีผู้ป่วยที่รักษาหายเป็นปกติและถูกส่งกลับบ้านมากถึงวันละ 15-20 ราย
ทั้งนี้ หากประชาชนที่ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อโควิด-19 สามารถโทร.ติดต่อสายด่วน 1330 หรือ สายด่วนโควิด 50 เขต 20 คู่สาย ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อรับการประเมินเข้าสู่ระบบการรักษาแบบแยกกักตัวที่บ้าน (Home Isolation :HI) หรือเข้าพักที่ศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ (Community Isolation :CI) หรือโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด