รองปลัด กทม.เยี่ยมจุดบริการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เชิงรุก เขตราชเทวี กำชับมาตรการป้องกันเข้ม -สะดวก -รวดเร็ว พร้อมตรวจความพร้อมศูนย์พักคอย ก่อนเปิดให้บริการผู้ป่วยเร็วๆ นี้
วันนี้(30 ก.ค.)เมื่อเวลา 09.00 น. นายชาตรี วัฒนเขจร รองปลัดกรุงเทพมหานคร(กทม.) เดินทางไปตรวจเยี่ยมหน่วยตรวจหาเชื้อโควิด-19 เชิงรุก เขตราชเทวี ซึ่งร่วมกับศูนย์บริการสาธารณะสุข 2 วัดมักกะสัน โดยมีการตรวจเชิงรุกให้กับประชาชนในพื้นที่จำนวน 500 คน ณ ลานกีฬาพัฒน์ 2 ถนนพระราม 6 เพื่อค้นหาผู้ติดเชื้อและป้องกันการเเพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 โดยได้กำชับเเละประชาสัมพันธ์การปฏิบัติตามมาตรการการป้องกันการเเพร่ระบาดของโรคอย่างเคร่งครัด มีการตรวจคัดกรองอุณหภูมิ กำหนดจุดการยืนของประชาชนในการเข้ารับบริการในเเต่ละขั้นตอน การสวมหน้ากากผ้าเเละหน้ากากอนามัย การเว้นระยะห่าง เพื่อให้การตรวจหาเชื้อโควิด-19 เชิงรุกของประชาชนเป็นไปด้วยความปลอดภัย สะดวก เเละรวดเร็ว
นอกจากนี้นายชาตรียังได้เดินทางไปตรวจดูความคืบหน้าในการเตรียมความพร้อมในจุดต่างๆ ประกอบด้วยศูนย์พักคอยวัดปทุมคงคาสำนักงานเขตสัมพันธวงศ์ ที่รองรับผู้ป่วยได้ 60 เตียง และมีกำหนดเปิดในวันที่ 2 ส.ค. 64 ศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนชุมชนวัดไผ่ตัน สำนักงานเขตพญาไท รองรับผู้ป่วยได้ 47 เตียง โดยมี รพ.เวชศาสตร์เขตร้อนเป็นรพ.ที่ปรึกษา กำหนดเปิดในวันที่ 4 ส.ค. 64 และ ศูนย์พักคอย วิทยาลัยพาณิชยการอินทราชัย สำนักงานเขตวังทองหลาง รองรับผู้ป่วยได้ 100 เตียง โดยมีรพ.ลาดพร้าวเป็นรพ.ที่ปรึกษา และกำหนดเปิดในวันที่1ส.ค.64
นอกจากนี้นายชาตรียังได้ตรวจติดตามความคืบหน้าการจัดตั้งพักคอยตันปัน เขตห้วยขวาง ที่สามารถรองรับผู้ป่วยได้ 145 เตียง โดยมีรพ.ราชวิถี เป็นรพ.ที่ปรึกษา ดำเนินการโดยมูลนิธิตันปัน ซึ่งขณะนี้การปรับปรุงอาคารใกล้แล้วเสร็จ ภายในศูนย์มีติดตั้งระบบกรอง อัด และฟอกอากาศภายในอาคาร มีเครื่อง Fresh Air สำหรับดูดอากาศ ติดตั้งอยู่บนดาดฟ้าชั้น 7 แล้วอัดอากาศเข้าสู่ภายในอาคารเป็นประจุบวกเพื่อดันอากาศที่มีเชื้อ (ประจุลบ) ออก โดยมีตัวกรองฆ่าเชื้อก่อนปล่อยอากาศออกภายนอกอาคาร และทุกห้องพักผู้ป่วย มีเครื่องฟอกอากาศฆ่าเชื้อทุกห้อง ชั้นดาดฟ้า (ชั้น 7) มีพื้นที่สีเขียว พร้อมราวกั้นสูง 2 เมตร พร้อมมีห้องพระ และห้องละหมาด
ส่วนของห้องพักมีเตียง 145 เตียง สามารถเพิ่มได้อีกไม่น้อยกว่า 10 เตียง เป็นรูปแบบเตียงกระดาษ และมีเตียงไฟฟ้าสำหรับผู้ป่วยติดเตียง มีห้องสำหรับเด็ก (มีฝ้าและผนังซับเสียง ลดการรบกวนห้องพักอื่น) พร้อมมีการเดินท่อออกซิเจน ไปป์ และเครื่องผลิต ออกซิเจน รองรับหากผู้ป่วยมีค่าออกซิเจนต่ำ จะรับผู้ป่วยเป็นลักษณะผสมผสาน รับผู้ป่วยสีเขียว แต่หากมีอาการทรุดตัว สามารถดูแลต่อเนื่องไปถึง สีเหลือง และสีแดงได้ โดยเน้นกลุ่มเปราะปราง เช่น เด็กเล็ก ครอบครัว หญิงตั้งครรภ์ ผู้อายุเกิน 60 ปี ผู้ป่วยติดเตียง ผู้มีโรคประจำตัว หรือผู้ป่วยที่ต้องมีผู้คอยช่วยเหลือ นอกเหนือจากกรณีข้างต้น จะรับเป็นลักษณะผู้ป่วยจิตอาสา เพื่อช่วยดูแลผู้ป่วยติดเตียง หรือสามารถดูแลเด็กเล็กได้ โดยวันพรุ่งนี้(31 ก.ค. 64)จะมีการเปิดทดสอบเต็มระบบ เพื่อพร้อมรับผู้ป่วยในวันที่ 1 ส.ค. 64