xs
xsm
sm
md
lg

"เอนก" เผยไทยฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้สูงสุดในกลุ่มประเทศขนาดใหญ่ของอาเซียน ครอบคลุมประชากร 16.3% มากถึง 14.2 ล้านโดสแล้ว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รมว.อว. เผย ไทยฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้สูงสุดในกลุ่มประเทศขนาดใหญ่ของอาเซียน ครอบคลุมประชากร 16.3% มากถึง 14,223,762 โดสแล้ว ด้าน ปลัด อว.ชี้ “วัคซีนซิโนแวก” ที่ใช้ มาตั้งแต่เดือน ก.พ.มีคุณภาพดีจริง สามารถลดการเจ็บป่วยรุนแรงได้เป็นอย่างดี

วันนี้ (19 ก.ค.) ศ.(พิเศษ) ดร. เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) เปิดเผยว่า อว. ได้ติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์การติดเชื้อและการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในกลุ่มประเทศอาเซียนอย่างใกล้ชิดและใช้ข้อมูลทางวิชาการในการร่วมบริหารสถานการณ์ ซึ่งในขณะนี้ได้สั่งการให้ทุกส่วนของกระทรวงฯ มาสนับสนุนการทำงานของ ศบค. อย่างเต็มที่ทั้งการดูแลผู้ป่วยในโรงพยาบาลหลัก การจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม และการฉีดวัคซีน ทั้งนี้ ในประเด็นเรื่องวัคซีนนั้น ขณะนี้ประเทศไทยได้ฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยสำหรับประเทศขนาดใหญ่ในกลุ่มอาเซียนที่มีประชากรมากกว่า 50 ล้านคน ซึ่งได้แก่ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม ไทย และพม่า นั้น ประเทศไทยสามารถฉีดวัคซีนได้สูงที่สุดตามสัดส่วนประชากร โดยมีคนที่ได้รับวัคซีนเข็มแรกแล้วถึง 16.3% ของประชากร ตามด้วยอินโดนีเซีย (15.1%) ฟิลิปปินส์ (9.1%) เวียดนาม (4.1%) และ พม่า (ประมาณ 3.1%) ในแง่จำนวนการฉีดวัคซีน อินโดนีเซีย ซึ่งมีประชากรถึง 275 ล้านคน ได้ฉีดวัคซีนแล้ว 57,947,614 โดส โดยมีประชากรได้รับวัคซีนเข็มแรกแล้ว 15.1% และครบ 2 เข็มแล้ว 5.9% ในขณะที่ไทยฉีดวัคซีนแล้ว 14,223,762 โดส

รมว.อว.กล่าวต่อว่า สำหรับในประเทศขนาดเล็กในกลุ่มประเทศอาเซียนที่มีประชากรน้อยกว่า 50 ล้านคน ซึ่งได้แก่ มาเลเซีย กัมพูชา ลาว สิงคโปร์ และบรูไน นั้น จะมีร้อยละการฉีดวัคซีนต่อประชากรค่อนข้างสูง คือ สิงคโปร์ มีผู้ได้รับวัคซีนเข็มแรกแล้ว 4,118,334 คน (69.9% ของประชากร) ตามด้วยกัมพูชา 5,767,616 คน (34.1%), มาเลเซีย 9,570,974 คน (29.3%), บรูไน 106,556 คน (24.2%) และลาว 1,050,818 คน (14.3%) ตามลำดับ

 


ด้าน ศ.นพ. ดร. สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัด อว.กล่าวว่า การใช้วัคซีนของประเทศไทยนั้น ใช้วัคซีนซิโนแวคมากที่สุด จำนวน 7,522,418 โดส โดยเป็นเข็มแรกจำนวน 4,187,943 โดส (29.5% ของจำนวนที่ฉีด) และเข็มที่สอง จำนวน 3,334,475 โดส (23.4%) ตามด้วยวัคซีนแอสตราเซเนกา จำนวน 6,288,541 โดส โดยเป็นเข็มแรกจำนวน 6,180,413 โดส (43.4%) และเข็มที่สอง จำนวน 108,128 โดส (0.8%) และวัคซีนซิโนฟาร์ม จำนวน 412,803 โดส โดยเป็นเข็มแรกจำนวน 412,076 โดส (2.9%) และเข็มที่สอง จำนวน 727 โดส (0.005%)

“ขอยืนยันว่าการใช้วัคซีนซิโนแวก ซึ่งได้ฉีดในประชากรจำนวนมากโดยเฉพะในกลุ่มความเสี่ยงสูงนั้นได้ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันได้ดีตั้งแต่ช่วงต้นปี โดยในช่วงระยะเริ่มต้นที่จีนได้ส่งมอบวัคซีนซิโนแวกมาตั้งแต่เดือนก.พ.2564 ซึ่งเป็นวัคซีนชนิดแรกที่ได้รับและนำมาใช้ในการควบคุมสถานการณ์นั้น จากการติดตามผลการใช้งานจริงในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ พบว่าวัคซีนนี้สามารถป้องกันการติดเชื้อโดยเฉพาะกลุ่มที่มีอาการรุนแรงได้ผลดี โดยการติดตามการใช้งานที่จังหวัดภูเก็ต พบว่ามีประสิทธิผลการป้องกันการติดเชื้อได้ถึง 90.7%, การศึกษาที่จังหวัดเชียงรายมีประสิทธิผล 82.8% และการศึกษาที่จังหวัดสมุทรสาครมีประสิทธิผล 90.5% และ ล่าสุดในการรายงานการติดเชื้อในบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขในภาพรวมของทั้งประเทศเกือบ 700,000 คนนั้น ก็พบว่าในกลุ่มบุคลากรความเสี่ยงสูงซึ่งมีการติดเชื้อ 880 คนและเสียชีวิต 7 รายนั้น พบว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนซิโนแวกครบสองเข็มแล้วมีอัตราการติดเชื้อและการเสียชีวิตน้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีนอย่างมาก แสดงว่าวัคซีนซิโนแวกสามารถป้องกันการติดเชื้อและลดความรุนแรงได้” ปลัด อว.ระบุ




















กำลังโหลดความคิดเห็น