สำหรับผู้ที่ต้องการเรียนด้านนิเทศศาสตร์ เชื่อว่าหนึ่งในสาขายอดนิยมมาโดยตลอดย่อมหนีไม่พ้นสาขาที่เกี่ยวกับสื่อวิทยุโทรทัศน์ เนื่องจากวิทยุและโทรทัศน์เปรียบเสมือนส่วนหนึ่งของชีวิตผู้คนมาอย่างยาวนาน
แต่การมาถึงยุคของโลกออนไลน์ การสื่อสารด้วยเครือข่ายอินเทอร์เนตก่อให้เกิดการถ่ายทอดรายการต่างๆ ในรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า “สตรีมมิง” (Streaming) ซึ่งเป็นการถ่ายทอดเนื้อหาโดยใช้เครือข่ายอินเทอร์เนตในการรับส่งสัญญาณภาพและเสียง ทำให้ผู้ชมสามารถรับชมซ้ำหรือดูย้อนหลัง เมื่อไรและที่ใดก็ได้ในโลก ผ่านทางอุปกรณ์ดิจิทัลต่างๆ นอกเหนือจากวิทยุและโทรทัศน์ ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน, คอมพิวเตอร์, แท็บเล็ต หรือสมาร์ททีวี โดยในสมัยก่อนมีแพลตฟอร์มอย่าง YouTube เป็นช่องทางหลักในการเผยแพร่ ก่อนที่จะพัฒนาขึ้นเป็น “ไลฟ์สตรีมมิง” (Live Streaming) ที่สามารถถ่ายทอดแบบ Real Time และมีแพลตฟอร์มในการเผยแพร่หลากหลายมากขึ้น อาทิ YouTube, Facebook, Instagram, TikTok, Twich หรือแม้แต่ Netflix, Disney+ และ Podcast ก็ถือเป็นสื่อสตรีมมิง เพราะเป็นช่องทางให้เลือกชมกันได้ตลอดเวลาเช่นกัน การสื่อสารผ่านช่องทางสตรีมมิงเหล่านี้ย่อมมีคาแรกเตอร์แตกต่างกันไป ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องศึกษาทั้งวิธีการนำเสนอ การสร้างเนื้อหา ตลอดจนการเรียนรู้กลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันไปนี้ให้ถ่องแท้
คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ จึงได้พัฒนาสาขาวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ ให้เป็น สาขาวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และการผลิตสื่อสตรีมมิง (Broadcasting and Streaming Media Production) โดยผนวกการผลิตสื่อสตรีมมิงเข้าไป เพื่อเพิ่มทักษะการทำงานในยุคที่ภูมิทัศน์สื่อเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยให้แก่นักศึกษา
“ทางสาขาได้มองเห็นความเติบโตของสื่อสตรีมมิงมานานแล้ว จึงได้มีการปรับหลักสูตรมาตั้งแต่ปลายปี 2562 และยิ่งเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ผู้คนอยู่กับบ้านและ Work from Home กันมากขึ้น สถิติการเข้าใช้งานสื่อสตรีมมิงยิ่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ ทำให้เห็นชัดเจนว่า ทางสาขาฯ มาถูกทาง” อาจารย์อาชวิชญ์ กฤษณสุวรรณ หัวหน้าภาคบรอดแคสติ้งและวารสารศาสตร์ดิจิทัล กล่าว
“โดยเราได้เพิ่มทักษะการผลิตสื่อสตรีมมิงเข้าไปในหลักสูตร เพราะสื่อสตรีมมิงก็มีรูปแบบเฉพาะทางที่แตกต่างจากสื่อวิทยุและโทรทัศน์ทั่วๆ ไป โดยเฉพาะเรื่องของกลุ่มผู้ชมที่มักจะนิยมเรื่องสั้นๆ กระชับ โดนใจตั้งแต่วินาทีแรกๆ รวมทั้งรูปแบบการสื่อสารและการเล่าเรื่องที่อาจไม่ยึดติดขนบธรรมเนียมแบบเดิมๆ แต่ต้องใช้ทักษะผสมผสานของแพลตฟอร์มที่หลากหลาย ต้องรู้จักมุมมองเชิงการตลาด และเข้าใจกลุ่มผู้ชม ซึ่งทักษะเหล่านี้ต้องผ่านการเรียนรู้และฝึกฝน นักศึกษาสาขานี้จึงจะได้รับความรู้ครบทุกด้านสำหรับผลิตสื่อในยุคดิจิทัล ทั้งการผลิตสื่อวิทยุโทรทัศน์แบบดั้งเดิมและการผลิตสื่อสตรีมมิง”
อาจารย์อาชวิชญ์เน้นย้ำเรื่องการเข้าใจกลุ่มเป้าหมาย เพราะทางสาขาได้เพิ่มทักษะการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่หรือ Big Data เพื่อให้นักศึกษาสามารถสร้างสรรค์เนื้อหาและวิธีการสื่อสารตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ เช่น ถ้าต้องตัดรายการความยาว 1 ชั่วโมงมาเป็นคลิปสั้นๆ เพื่อสตรีมในโซเชียลมีเดียหรือเพื่อใช้ในการโปรโมท ก็ต้องมีความเข้าใจแนวคิดหลักของเรื่องราวนั้นๆ และสามารถหยิบย่อยเรื่องราวเพื่อสร้างความนิยมทั้งก่อนและหลังรายการออกอากาศ สื่อบันเทิงหลายแห่งจึงมีสายงานที่ทำงานด้านนี้โดยเฉพาะ
การขยายทักษะการสื่อสารไปสู่สื่อสตรีมมิงของสาขาวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และการผลิตสื่อสตรีมมิง คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ จึงสะท้อนถึงการปรับตัวให้ทันสมัย เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของโลก และยังสอดคล้องกับพฤติกรรมการใช้โซเชียลมีเดียตามที่ Hootsuite และ WeAreSocial สำรวจไว้ว่า เหตุผล 2 อันดับแรกที่คนเราใช้โซเชียลมีเดีย ก็เพื่อติดตามข่าวสารและดูวิดีโอต่างๆ ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวก็คือการใช้สื่อสตรีมมิงนั่นเอง
(advertorial)