xs
xsm
sm
md
lg

สังคมได้อะไรจากเรื่องท้องทิพย์!/ดร.สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้คนที่ท่องโลกออนไลน์คงคุ้นเคยกับคำศัพท์ยอดฮิตคำว่า “ทิพย์” ประมาณ เที่ยวทิพย์ , กินทิพย์ , แฟนทิพย์ ฯลฯ

คำว่า “ทิพย์” ตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน หมายความว่า เป็นของเทวดา เช่น อาหารทิพย์, ดีวิเศษอย่างเทวดา เช่น ตาทิพย์ หูทิพย์, ดีวิเศษเหนือปกติธรรมดา เช่น เนื้อทิพย์

ส่วนความหมายของ “ทิพย์” ที่ใช้กันในโลกชาวโซเชียล หมายถึง การจินตนาการขึ้นมา สมมติหรือมโนขึ้นมา ใช้เพื่อความบันเทิงสนุกสนานเพิ่มอรรถรสในบทสนทนา โดยจะนำคำว่า ทิพย์ มาต่อท้ายคำข้างหน้า เช่น เที่ยวทิพย์ เพราะอยากไปเที่ยว แต่เพราะสถานการณ์โควิด19 ทำให้ยังไม่สามารถไปเที่ยวได้

จนกระทั่งมีข่าวเรื่อง “ท้องทิพย์” !

เริ่มแรกดิฉันไม่ได้สนใจข่าวนี้ และก็ไม่อยากรู้ว่าคนนี้เป็นใคร จนกระทั่งถูกสื่อยัดเยียดให้รู้แทบทุกวัน โดยเฉพาะสื่อทีวีที่มีการนำเสนอข่าวกันอย่างครึกโครม และพิธีกรทีวีที่สัมภาษณ์แบบถึงพริกถึงขิงตามไปเจาะลึกอีกต่างหากว่าท้องจริงหรือเปล่า

จนเริ่มรู้สึกหงุดหงิดกับการทำหน้าที่ของสื่ออีกครา และตั้งคำถามว่า สังคมได้อะไรจากเรื่องท้องทิพย์ ?

ประเด็นอะไรทำให้ถูกนำเสนอผ่านสื่อได้ทุกวันขนาดนี้ และสถานการณ์ก็ขยายเรื่องราวบานปลายไปเรื่อยแบบไม่อยากให้จบสิ้น ขณะเดียวกันเรื่องราวของผู้หญิงคนนี้ก็ถูกพูดถึงไปทั่ว ประมาณว่า “ทำไมคนเราโกหกเป็นตุเป็นตะได้มากมายขนาดนี้” “ทำไมคนเราแต่งเรื่องได้ขนาดนี้ โดยไม่อาย” หรือ ฯลฯ

พลันทำให้นึกถึงกรณีข่าวของลุงพล, ข่าวหวย 30 ล้าน ฯลฯ

เรากำลังเรียนรู้อะไรจากข่าวคราวทำนองนี้

ที่ผ่านมาเรามักจะได้ยินเหตุผลที่บอกว่าก็ชาวบ้านชอบข่าวทำนองนี้ หรือข่าวทำนองนี้สามารถสร้างเรตติ้งได้ดี สรุปก็คือ เราก็ยังวนเวียนกับการเสพรับสื่อทำนองนี้วน ๆ ซ้ำ ๆ ตั้งแต่ยังมีทีวีไม่กี่ช่อง กระทั่งมีทีวีดิจิทัลจำนวน 20 กว่าช่อง แถมยังมีสื่อออนไลน์อีกต่างหาก

โลกหมุนไปข้างหน้า เทคโนโลยีรุดไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว นวัตกรรมใหม่ ๆ เกิดขึ้นทุกวี่วัน ช่วงสถานการณ์ปกติ หรือช่วงสถานการณ์วิกฤตโควิด 19 ก็ไม่มีผลต่อการนำเสนอข่าวในท่วงทำนองนี้ !

การทำข่าวชาวบ้านไม่ใช่เรื่องไม่ดี เป็นเรื่องที่ผู้คนสนใจ เพียงแต่ทำไมไม่ค่อยจะมีการนำเสนอในแง่มุมที่สามารถสร้างการเรียนรู้ในสังคมได้ ไม่ใช่เพียงนำเสนอว่าท้องทิพย์จริงหรือไม่ แล้วตามไปพิสูจน์ว่าท้องหรือไม่ท้อง ถ้ามีการเปลี่ยนมุมมานำเสนอว่าผลกระทบของการโกหกนำไปสู่อะไร ใครได้รับผลกระทบบ้าง ผิดกฎหมายอย่างไร แม้แต่เด็กและเยาวชนที่เสพรับข่าวทำนองนี้ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน

การโกหกโดยการสร้างเรื่อง ก็เลยทำให้ต้องสร้างเรื่องต่อไป และเมื่อสร้างต่อไปเรื่อย ๆ ก็ตกเข้าไปอยู่ในกับดักคิดว่าตัวเองเป็นอย่างที่ตัวเองสร้างเรื่องจริง ๆ และส่วนใหญ่กลุ่มคนเหล่านี้จะถลำลึกไปเรื่อย ๆ จนท้ายสุดถ้าเรื่องราวถูกเปิดเผยขึ้นมา คนเหล่านี้มักจะจบลงด้วยปัญหาทางสภาพจิต ถ้าไม่เป็นโรคซึมเศร้า ก็ต้องเผชิญกับความยากลำบากในการใช้ชีวิตต่อไป

ปัญหาเรื่องโกหกเป็นปัญหาหนึ่งทางสังคมที่นับวันจะทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะสัญชาตญาณของมนุษย์ไม่อยากยอมรับว่าตัวเองไม่ดี ก็ต้องปัดไปสู่ผู้อื่น หรือต้องพยายามปกปิดเรื่องที่ตัวเองโกหกไปเรื่อย ๆ

จริงอยู่การรายงานข้อมูลข่าวสาร กำหนดประเด็นในการส่งสารให้ผู้รับสารเป็นบทบาทหน้าที่ของสื่อมวลชน แต่ก็ต้องคำนึงถึงเรื่องการสร้างคุณค่าต่อสังคมและความรับผิดชอบต่อจริยธรรมวิชาชีพด้วยมิใช่หรือ

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้ระบุถึง 5 องค์ประกอบของการรู้เท่าทันสื่อที่เราต้องมี ได้แก่

1. การเปิดรับสื่อ คือ การเปิดรับสื่อด้วยประสาทสัมผัสทั้ง 5 เพื่อรับรู้ถึงภาพรวมทั้งหมดของสื่อ
2. การวิเคราะห์สื่อ คือ การแยกแยะองค์ประกอบต่าง ๆ ในการนำเสนอของสื่อเหล่านั้นว่ามีวัตถุประสงค์เพื่ออะไร
3. การเข้าใจสื่อ คือ การตีความสื่อหลังจากเปิดรับสื่อไปแล้ว เพื่อทำความเข้าใจในสิ่งที่สื่อนำเสนอ
4. การประเมินค่า คือการประเมินค่าสิ่งที่สื่อนำเสนอว่ามีคุณภาพและคุณค่ามากน้อยเพียงใด
5. การใช้สื่อให้เกิดประโยชน์ คือการนำสิ่งที่เราวิเคราะห์ไปใช้ประโยชน์ เลือกรับสื่อเป็น สามารถส่งสารต่อและมีปฏิกิริยาตอบกลับสื่ออย่างเหมาะสมได้

ทั้ง 5 องค์ประกอบนี้เป็นพื้นฐานอันดีของการเป็นผู้ผลิตสื่อที่ดี สำหรับผู้ที่สามารถคิดวิเคราะห์ เข้าใจธรรมชาติของสื่อได้เป็นอย่างดี แล้วเราอาจเป็นผู้ผลิตสื่อ โดยมีเป้าหมายเพื่อก่อให้เกิดสื่อดี ๆ มีประโยชน์เพื่อสังคม

หน่วยงานที่รณรงค์เรื่องการอยากให้ผู้คนรู้เท่าทันสื่อก็ทำหน้าที่ต่อไป ความพยายามของผู้ที่เกี่ยวข้องอยากให้สื่อมีจริยธรรมวิชาชีพก็เดินหน้าต่อไป แต่ดูเหมือนผู้ผลิตสื่อจำนวนหนึ่งอาจจะสนใจไม่มากพอละกระมัง จึงยังเกิดคำถามทำนองว่าการนำเสนอข่าวประเภทนี้สังคมได้อะไร

 ไม่สิ ไม่ใช่แค่เป็นข่าวที่อาจจะไม่ได้ให้อะไรแก่สังคมเท่าที่ควรเท่านั้น แต่ยังก่อให้เกิดคำถามว่านี่เสมือนเป็นการทำร้ายเด็กและเยาวชนที่เติบโตขึ้นไปเป็นผู้ใหญ่ในสังคมที่เห็นแบบอย่างแบบนี้ซ้ำซากหรือไม่

 บางทีก็อยากให้ข่าวทำนองนี้เป็น “ข่าวทิพย์” เหมือนกัน !
กำลังโหลดความคิดเห็น