หลังเกิดเหตุการณ์มีผู้ได้รับวัคซีนแล้วเกิดอาการไม่พึงประสงค์ในพื้นที่จังหวัดชุมพร ได้มีการเก็บตัวอย่างวัคซีนที่ใช้ในพื้นที่ดังกล่าว ส่งมาตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการซ้ำที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ผลพบว่า วัคซีนที่นำมาตรวจนั้น ยังมีคุณภาพความปลอดภัยผ่านเกณฑ์มาตรฐานไม่พบสารที่เป็นอันตราย
วันนี้ (14 พ.ค.) นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้ให้รายละเอียดในเรื่องนี้ ว่า เมื่อพบรายงานการเกิดอาการอันไม่พึงประสงค์ แขนขาอ่อนแรง ภายหลังได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดชุมพร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้ประสานกับ กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค และเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ลงเก็บข้อมูล พบว่า วัคซีนที่เกิดเหตุ คือ วัคซีนซิโนแวค (CoronaVac) รุ่นการผลิตที่ J202103002 จึงได้เก็บตัวอย่างวัคซีนดังกล่าว นำส่งมาที่สถาบันชีววัตถุ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ทำการตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการซ้ำอีกครั้ง ในด้านคุณภาพ ความปลอดภัย ประกอบด้วยรายการทดสอบหลายรายการ คือ ลักษณะทางกายภาพ ความเป็นกรด-ด่าง ปริมาณโปรตีน อะลูมิเนียม ฟอร์มัลดีไฮด์ และเอนโดทอกซิน ผลการตรวจวิเคราะห์ยืนยันได้ว่าตัวอย่างวัคซีนดังกล่าว ยังคงมีคุณภาพและความปลอดภัยตามมาตรฐาน ไม่พบการเสียสภาพหรือสารที่จะทำให้เกิดพิษในวัคซีน
นายแพทย์ศุภกิจ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากการตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการซ้ำ ในกรณีเกิดเหตุแล้ว กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบรับรองรุ่นการผลิตของวัคซีนทุกรุ่นที่ใช้ในประเทศ ยังมีการพิจารณารายละเอียดของกระบวนการผลิตและการควบคุมคุณภาพของผู้ผลิต ตั้งแต่เชื้อตั้งต้นจนกระทั่งได้วัคซีนสำเร็จรูป โดยให้ความสำคัญทั้งในขั้นตอนของการพิจารณาเพื่อออกหนังสือรับรองรุ่นการผลิต และหลังการปล่อยผ่านวัคซีนออกใช้ มีการวิเคราะห์แนวโน้มคุณภาพเปรียบเทียบระหว่างรุ่นการผลิต ซึ่งพบว่าวัคซีนซิโนแวคทุกรุ่นการผลิตที่นำเข้ามาใช้ในประเทศไทย มีคุณภาพ ความปลอดภัย ทัดเทียมกันในทุกรุ่นการผลิต จึงขอยืนยันให้ความมั่นใจกับประชาชนว่าวัคซีนที่นำมาให้บริการนั้นมีคุณภาพความปลอดภัย และขอเชิญชวนให้ประชาชนทุกคนเข้ารับการฉีดวัคซีนโดยเร็ว เพื่อป้องกันตนเองและลดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19