กระทรวงสาธารณสุข ชี้แจงบริษัท ไฟเซอร์ ไม่เคยเสนอขายวัคซีนโควิด-19 ให้ไทย 13 ล้านโดส การจองต้องวางเงินมัดจำ ไม่มีข้อเสนอให้ใช้วัคซีนก่อนจ่ายทีหลัง และไม่เคยปฏิเสธการเข้าพบ มีการหารือกันอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเตรียมจองซื้อแล้ว หลังมีข้อมูลใช้ได้ในอายุ 12 ปีขึ้นไป จัดเก็บในอุณหภูมิสูงขึ้นได้ สะดวกต่อการขนส่ง พร้อมส่งให้ไทยได้ในไตรมาส 3
วันนี้ (27 เม.ย.) ที่ศูนย์แถลงข่าวโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายแพทย์นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข มีนโยบายจัดหาวัคซีนโควิด-19 ให้ได้ 100 ล้านโดส โดยได้เจรจากับผู้ผลิตวัคซีนหลายราย ทั้งเรื่องจำนวนวัคซีนและระยะเวลาส่งมอบ เงื่อนไขสำคัญคือต้องส่งมอบได้ภายในปีนี้ ส่วนวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าที่ผลิตในไทย โดยบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ถือว่าประสบความสำเร็จส่งตรวจคุณภาพแล้ว 2 รุ่นการผลิต และรุ่นการผลิตถัดไป อยู่ระหว่างรอผลการตรวจคุณภาพจากห้องปฏิบัติการกลางที่สกอตแลนด์ และ สหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ จากการหารือกับแอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) ยืนยันว่า จะผลิตและส่งมอบวัคซีนให้ได้ตามแผนที่กำหนดในช่วงต้นเดือนมิถุนายน หรืออาจเร็วกว่านั้น
สำหรับกรณีการส่งต่อข้อมูลทางโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับการเจรจาจัดซื้อวัคซีนของบริษัท ไฟเซอร์ มีข้อมูลที่คลาดเคลื่อนทำให้เกิดความเข้าใจผิด สถาบันวัคซีนแห่งชาติและไฟเซอร์ (ประเทศไทย) ได้ร่วมกันตรวจสอบแล้ว จึงขอชี้แจงข้อมูลที่ถูกต้องเพื่อลดความเข้าใจผิดและข้อกล่าวหาใน 3 ประเด็น ดังนี้ ประเด็นแรก ไฟเซอร์ไม่เคยเสนอขายวัคซีนให้ไทย 13 ล้านโดส แต่ไฟเซอร์ได้นำตัวเลขแผนการจัดหาวัคซีนของไทยช่วงปี 2563 ที่มีแผนการจัดซื้อวัคซีนแบบทวิภาคี หรือซื้อตรงกับผู้ผลิตคิดเป็น 10% ของจำนวนประชากร หรือประมาณ 6.5 ล้านคน รวม 13 ล้านโดส ไปเสนอบริษัทแม่ (Head Office) ว่า จะมีวัคซีนเพื่อนำเสนอขายให้ประเทศไทยหรือไม่ จึงไม่ใช่ตัวเลขที่เสนอขายให้ไทย
ประเด็นที่สอง การซื้อวัคซีนไม่ต้องใช้เงินซื้อ มีวัคซีนให้ใช้ก่อนค่อยจ่ายทีหลัง เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง เนื่องจากเอกสารสัญญาการจองซื้อจากไฟเซอร์ทุกฉบับที่เจรจากันมาตั้งแต่ต้นปี 2564 มีเงื่อนไขการจองที่ต้องวางเงินมัดจำทั้งสิ้น และไม่มีข้อเสนอจัดส่งวัคซีนให้ใช้ก่อนแต่อย่างใด ซึ่งในสถานการณ์ที่แย่งชิงวัคซีนกันทั่วโลก ไม่มีบริษัทใดให้ใช้วัคซีนก่อนแล้วจ่ายเงินภายหลัง และประเด็นสุดท้าย ไฟเซอร์เสนอรัฐบาล 4 รอบ แต่ถูกปฏิเสธก็ไม่เป็นจริง เรามีการเจรจามาโดยตลอด ทำให้ได้รับทราบข้อมูลการพัฒนาวัคซีนของไฟเซอร์อย่างต่อเนื่อง เช่น ความคงตัวของวัคซีนจากข้อจำกัดที่ต้องเก็บวัคซีนในอุณหภูมิ -70 องศาเซลเซียสเหลือเพียง -20 องศาเซลเซียส ทำให้สะดวกในการจัดเก็บและขนส่งในไทยมากขึ้น การใช้วัคซีนในเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป ซึ่งกำลังรออนุมัติจาก อย.สหรัฐอเมริกา รวมถึงเงื่อนไขที่สามารถจัดส่งวัคซีนได้ในช่วงต้นของไตรมาส 3 ทำให้การเจรจามีความเป็นไปได้มากขึ้น
“วันที่ 22 เมษายน ที่ผ่านมา รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้นำผู้บริหารกระทรวงหารือกับทางไฟเซอร์ จนได้ความชัดเจนว่า ให้สถาบันวัคซีนแห่งชาติ และกรมควบคุมโรค จองซื้อวัคซีนจากไฟเซอร์ รวมทั้งการเจรจาร่างเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถบรรลุข้อตกลงเงื่อนไขและส่งมอบวัคซีนให้ได้เร็วที่สุด เนื่องจากวัคซีนของไฟเซอร์ช่วยปิดช่องว่างกลุ่มประชากรนักเรียน ที่มีแนวโน้มอาจทำให้เกิดการระบาดขนาดใหญ่ได้ จากการมารวมกลุ่มกันในโรงเรียน” นายแพทย์นคร กล่าว