สปสช.ร่วมกับกรมการแพทย์ ร่วมกับศูนย์เอราวัณและ สปสช.ตั้งเป้าหาเตียงให้ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ให้ได้เร็วขึ้น ระหว่างรอเตียงโทรแจ้งความคืบหน้าและติดตามอาการทุกๆ 6 ชั่วโมง หากอาการแย่ลงจะส่งรถไปรับมารักษาในโรงพยาบาลทันที
วันนี้ (21 เม.ย.) นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวถึงสถานการณ์การจัดหาเตียงแก่ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ว่า ปัญหาที่พบส่วนใหญ่อยู่ใน กทม. ซึ่งมีผู้ป่วยบางส่วนที่ยังไม่ได้เตียง ขณะที่ในต่างจังหวัดค่อนข้างมีประสิทธิภาพสามารถจัดหาเตียงรองรับผู้ป่วยได้หมด และปัญหาในพื้นที่ กทม.ก็ไม่ใช่เรื่องเตียงเพราะจากข้อมูลพบว่าจำนวนเตียงมีเพียงพอ แต่เนื่องจากมีหลายหน่วยงาน โรงพยาบาลหลายสังกัด คนไข้ที่ติดเชื้อโควิดบางส่วนยังไม่สามารถหาเตียงได้
"ข้อมูลที่ปรากฏกับความเป็นจริงยังไม่ตรงกันอยู่ อันนี้พูดจากการที่ สปสช. เข้าไปช่วยดูในการหาเตียงให้กับประชาชนมา 4-5 วันนี้ พบว่ามีคนประสานขอเตียงเข้ามา 400 กว่าคน บางคนยังไม่ได้จริงๆ แต่ตอนนี้เรากำลังพยายามเคลียร์นะครับ โดยให้คำแนะนำกับผู้ป่วยที่อาการไม่มาก ให้รออยู่ก่อน อย่าเพิ่งเดินทางไปไหนมาไหนเพราะจะทำให้เกิดความเสี่ยงมากขึ้น ขอให้เจ้าหน้าที่ประสานเตียงให้เรียบร้อยแล้วจะเอารถพยาบาลไปรับ รวมทั้งมีกระบวนการโทรติดตามอาการทุกๆ 6 ชั่วโมง ซึ่งขณะนี้จำนวนผู้ที่ยังตกค้างก็เริ่มลดลงเนื่องจากโรงพยาบาลต่างๆ สามารถจัดหาเตียงได้มากขึ้น" นพ.จเด็จ กล่าว
นพ.จเด็จ กล่าวอีกว่า แนวทางแก้ไขปัญหาต้องใช้กลไกการประสานงานให้มากที่สุด ซึ่ง กลไกกลางที่จะมาช่วยประสานคือสายด่วน 1330 ของ สปสช. สายด่วน 1668 ของกรมการแพทย์ และสายด่วน 1646 ของศูนย์เอราวัณ โดยมีการหารือกับผู้บริหารของกระทรวงสาธารณสุขและตั้งเป้าว่าจะต้องประสานหาเตียงให้ผู้ติดเชื้อให้ได้เร็วที่สุด
"จากข้อมูลของ 1330 เราใช้เวลาประสานงานนานที่สุด 3 วัน เนื่องจากบางครั้งมีปัญหาว่าท่านโทรศัพท์มาบอกผลเลือดแต่เรายังไม่ได้ผลการตรวจตัวจริงก็ต้องไปตรวจสอบกับโรงพยาบาลก่อน เมื่อตรวจสอบเสร็จก็ส่งข้อมูลให้โรงพยาบาลปลายทาง มันอาจจะมีขั้นตอนเพิ่มอีกนิดหนึ่งซึ่งตรงนี้เป็นหน้าที่ของเราที่จะประสานให้ รวมทั้งจัดกระบวนการโทรหาทุกๆ 6 ชั่วโมง เพื่อแจ้งผลการประสานว่าอยู่ขั้นตอนไหน รวมทั้งจะได้ติดตามอาการผู้ป่วยไปในตัว แต่หากระหว่างรอเตียงแล้วอาการแย่ลง ก็จะมีกลไกสำหรับผู้ป่วยอาการหนักไปรับตัวมารักษาที่โรงพยาบาล" นพ.จเด็จ กล่าว
นพ.จเด็จ กล่าวต่อไปว่า ในส่วนของผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการนั้น ส่วนใหญ่จะจัดให้อยู่ในโรงพยาบาลสนามหรือ Hospitel ซึ่งมีบุคลากรทางการแพทย์คอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง ลักษณะการจัดการของโรงพยาบาลสนามเป็นการจัดการตามหลักวิชาการเพื่อป้องกันการแพร่กระจายโรค แต่ผู้ป่วยบางท่านอาจคิดถึงความสะดวกหรือห้องพิเศษ ต้องเรียนว่าในภาวะเช่นนี้ต้องขอความร่วมมือเสียสละมาอยู่ตรงนี้ก่อน เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบพยายามจัดสถานที่ให้ดีที่สุด จะเห็นว่าเตียงหรืออุปกรณ์ต่างๆ ก็ใหม่ ห้องน้ำก็พยายามเพิ่มเติมให้เหมาะสม เพียงแต่อาจจะไม่สะดวกสบายอย่างที่คาดหวัง อย่าเพิ่งมองเรื่องสถานที่แต่ขอให้มองถึงความจำเป็นที่ต้องลดการแพร่ระบาดของโรคมากกว่า