อย. เตือนอย่าใช้ชุดตรวจเชื้อโควิด-19 มาตรวจเอง เพราะมีข้อจำกัดการแปลผล ให้ผลลบปลอมได้ หากผู้ใช้แปลผลไม่ถูกต้อง อาจเพิ่มความเสี่ยงการกระจายการติดเชื้อในวงกว้าง ขณะที่การตรวจหาเชื้อด้วยวิธีมาตรฐาน RT-PCR ที่อาศัยการวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการขณะนี้มีมากกว่า 270 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งเพียงพอกับความต้องการ
วันนี้ (19 เม.ย.) นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีผู้เสนอให้รัฐบาลจัดหาชุดตรวจเชื้อโควิด-19 ด้วยตัวเอง (Self- test) เพื่อให้ประชาชนสามารถตรวจเชื้อได้ด้วยตนเอง เหมือนในประเทศอังกฤษ พร้อมเสนอให้ผู้ป่วยที่อาการไม่หนักรักษาตัวที่บ้านได้นั้น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขอชี้แจงว่า ชุดตรวจโควิด-19 โดยการหาเชื้อจากโปรตีนดังกล่าว เรียกว่า Rapid Ag test มีลักษณะเป็นแถบตรวจ ให้หยดน้ำยาที่มีเนื้อเยื่อจากการแยงจมูก (swab) ชุดทดสอบนี้หากตรวจในช่วงแรกหลังรับเชื้อ หรือเลยช่วง 7-10 วันหลังมีอาการ อาจให้ผลลบปลอม จนนำไปสู่การแพร่กระจายเชื้อให้ผู้อื่นได้ ดังนั้น การแปลผลต้องอาศัยความชำนาญของผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ ซึ่งต่างจากการตรวจหาเชื้อจากสารพันธุกรรมด้วยวิธีมาตรฐาน RT-PCR ที่สามารถตรวจพบเชื้อได้แม้มีปริมาณเชื้อไม่มาก นอกจากนี้ยังมีการตรวจหาสารพันธุกรรมด้วยวิธีอื่น ได้แก่ RT-LAMP ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจาก อย.แล้ว เช่น COXY-AMP ซึ่งต้องอาศัยเครื่องมือและอุปกรณ์ทางห้องปฏิบัติการในการตรวจ ประชาชนทั่วไปไม่สามารถทำได้ด้วยตนเอง
รองเลขาธิการ กล่าวต่อไปว่า การใช้ชุดตรวจมาตรวจเอง มีข้อจำกัดหลายด้าน เช่น ขั้นตอนและเทคนิคในการเก็บตัวอย่างจากโพรงจมูก หากเก็บไม่ถูกวิธีจะเสี่ยงต่อการแปลผลที่คลาดเคลื่อนและให้ผลลบปลอมได้ หากผู้ใช้แปลผลไม่ถูกต้อง อาจเพิ่มความเสี่ยงการกระจายการติดเชื้อในวงกว้าง ประสิทธิภาพของ ชุดตรวจด้วยตัวเอง มีความแม่นยำน้อยกว่าวิธีมาตรฐาน RT-PCR ที่ตรวจโดยห้องปฏิบัติการโดยตรง ส่งผลให้มีโอกาสเกิดผลลบปลอมที่สูงกว่า และถึงแม้ว่าผลทดสอบจะปรากฏผลลบ ยังจำเป็นต้องประเมินอาการและปัจจัยอื่นร่วมด้วย ซึ่งต้องอาศัยการให้คำแนะนำโดยบุคลากรทางการแพทย์ ที่สำคัญ หากพบผลบวกต้องเข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล ไม่สามารถกักตัวที่บ้าน เพื่อให้ประชาชนได้รับการรักษาที่เหมาะสมและทันท่วงที และ ป้องกันกรณีไม่ปฏิบัติตามแนวทางที่เหมาะสม อาจแพร่เชื้อโดยไม่รู้ตัว จนนำไปสู่การแพร่ระบาดรอบใหม่
ปัจจุบัน อย. ได้อนุญาตน้ำยาที่ใช้ในการตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐาน สอดคล้องกับองค์การอนามัยโลก มีความแม่นยำมากที่สุดเมื่อเทียบกับวิธีอื่นๆ โดยจำนวนผลิตภัณฑ์ดังกล่าวที่ได้รับอนุญาตแล้ว มีมากกว่า 80 ผลิตภัณฑ์ จากหลากหลายบริษัท เพียงพอสำหรับการตรวจวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการที่ได้มาตรฐาน ซึ่งมีมากกว่า 270 แห่งทั่วประเทศ รองเลขาธิการ กล่าวในที่สุด