เรียนจบแล้วจะมีงานทำไหม? เชื่อว่า น้อง ๆ นักเรียน #Dek-64 จำนวนไม่น้อยกำลังรู้สึกเช่นนี้ ขณะที่กำลังมองหาสถาบันสักแห่งเพื่อเรียนต่อในระดับอุดมศึกษาที่จะตอบโจทย์ชีวิตการทำงานในอนาคต...เราพามาทำความรู้จักกับสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่งซึ่งมีเจตนารมณ์มุ่งมั่นในการปั้นบัณฑิตที่มีคุณภาพ พร้อมกับการันตีว่า “จบไปแล้วไม่มีเคว้ง” อย่างแน่นอน
สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น หรือ Thai-Nichi Institute of Technology (TNI) อาจไม่ได้ใหญ่โตเท่าไรนัก เมื่อเทียบกับสถาบันการศึกษาหลายแห่ง แต่นี่คือแหล่งสร้างคนชั้นดีที่บรรดาบริษัทชั้นนำของญี่ปุ่นให้การยอมรับ และพร้อมอ้าแขนรับบัณฑิตที่จบออกไปจากสถาบันการศึกษาแห่งนี้
ตลอดระยะเวลา 13 ปี นับตั้งแต่วันก่อตั้ง ณ ปัจจุบัน สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น มีหลักสูตรให้นักศึกษาได้เลือกเรียนหลากหลายสาขา ทั้งหลักสูตรปกติ 17 หลักสูตร ที่ประกอบด้วยคณะบริหารธุรกิจ 8 หลักสูตร คณะวิศวกรรมศาสตร์ 5 หลักสูตร และคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ 4 หลักสูตร นอกจากนี้ยังมีหลักสูตรนานาชาติคณะละหนึ่งหลักสูตร รวมทั้งระดับปริญญาโทอีก 5 หลักสูตร รวมทั้งหมด 25 หลักสูตร
หลักสูตรที่เรียกว่าเป็น Product Champion ของแต่ละคณะ ก็มีเช่น คณะบริหารธุรกิจหลักสูตรบริหารธุรกิจญี่ปุ่น(BJ) ที่เรียนภาษาญี่ปุ่นครึ่งหนึ่งบริหารธุรกิจครึ่งหนึ่ง เป็นหลักสูตรที่มีที่นี่แห่งเดียวเท่านั้น คณะเทคโนโลยีสารสนเทศก็มี หลักสูตรเทคโนโลยีมัลติมีเดีย(MT) ที่มีการสอน Animation สไตล์ญี่ปุ่นที่เดียวในประเทศไทย คณะวิศวกรรมศาสตร์ก็มีหลักสูตรวิศวกรรมยานยนต์ (AE) ที่เริ่มการเรียนการสอนเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า เป็นต้น
โดยจุดเด่นก็คือทุกหลักสูตรจะได้เรียนรู้ทั้งภาษาญี่ปุ่นและอังกฤษ, มีระบบการเรียนการสอนในสไตล์ญี่ปุ่นแบบ Monozukuri ที่ไม่เพียงเน้นให้ความรู้ แต่ยังฝึกให้มีการปฏิบัติจริงควบคู่ไปด้วย อีกทั้งมีโครงการแลกเปลี่ยนทั้งประเทศญี่ปุ่น อาเซียน และประเทศอื่น ๆ เช่น สหรัฐอเมริกา อินเดีย บังกลาเทศ เป็นต้น สถาบันมีการทำ MOU กับมหาวิทยาลัยต่างประเทศกว่า 80 แห่ง โดยเฉพาะกับมหาวิทยาลัยในประเทศญี่ปุ่น 72 แห่ง มีทุนการศึกษาตั้งแต่ 25-100% , ทุน กยศ. กรอ. และ Human Capital และเหนืออื่นใด ในระหว่างเรียนก็มีโอกาสฝึกงานกับบริษัทชั้นนำทั้งของไทยและญี่ปุ่น โดยเฉพาะนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ทุกคนจะมีโอกาสไปฝึกงานที่ประเทศญี่ปุ่น
ซึ่งทั้งหมดนี้ พร้อมจะการันตีคุณภาพของนักศึกษา TNI ได้ว่าเมื่อเรียนจบออกไปแล้วสามารถทำงานได้และมีงานทำอย่างแน่นอน 100%
ด้วยความรู้สึกเชื่อมั่นในสิ่งดี ๆ ที่สถาบันฯ มอบให้กับนักศึกษามาตลอดระยะเวลา 13 ปี นับตั้งแต่วันที่ก่อตั้ง.. “ผศ.รังสรรค์ เลิศในสัตย์” รองอธิการบดีฝ่ายบริการวิชาการ, รักษาการรองอธิการบดีฝ่ายรับสมัครนักศึกษาและสื่อสารองค์กร และคณบดีคณะบริหารธุรกิจ สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ พร้อมตอบโจทย์ที่ว่า “Dek-64” และ “Dek-65” เรียนอะไรดี จบไปไม่มีเคว้ง?
จากโจทย์ที่ตั้งมา คำถามแรกสุดคือ “เรียนอะไรดี” ตรงนี้อาจารย์มีคำแนะนำอย่างไรบ้างครับ
เบื้องต้น อยากให้คิดให้ดีก่อนว่าตัวเองชอบอะไร รักอะไร เก่งเรื่องอะไร แล้วเหมาะที่จะเรียนอะไร อย่าไปทำตามกระแสเพราะความถนัด ความชำนาญของแต่ละคนไม่เท่ากัน และเมื่อเรียนแล้วต้องเรียนให้จบ ไม่จำเป็นต้องได้ที่ 1 ไม่จำเป็นต้องได้เกียรตินิยม ซึ่งสำหรับที่ TNI เราก็บอกว่าถ้าคุณได้มาเรียนแล้วคือคุณเรียนจบได้แน่นอน คนที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ คุณมีความสามารถที่จะจบได้อยู่แล้ว เพราะการเรียนในระดับมหาวิทยาลัยไม่ได้เรียนยาก ถ้ามีความมุ่งมั่นตั้งใจคุณสามารถเรียนจบและมีงานทำที่ดีได้
สำหรับ TNI เรามีการจัดกิจกรรมมัชฌิมนิเทศ ให้กับนักศึกษาที่กำลังจะขึ้นชั้นปีที่ 3 เพื่อบอกให้รู้ว่าหลังจากคุณได้เรียนวิชาพื้นฐาน ในช่วงปี 1-2 แล้ว ปี 3-4 คุณควรเลือกเรียนวิชาอะไร สาขาอะไร เพื่อนำไปประกอบอาชีพในอนาคตได้จริงตามความชอบและความถนัดของตนเอง
โดยเรามีรุ่นพี่มาแชร์ประสบการณ์ รวมทั้งเชิญผู้เชี่ยวชาญในวงการต่าง ๆ มาชี้แนะ เช่น คนในวงการการตลาดก็จะมาแนะนำว่าถ้าเลือกเรียนสาขาการตลาดจบไปแล้วจะทำอาชีพอะไรได้บ้าง
นอกจากนี้ ในช่วงต้นปีของทุกปี เราจะมีการจัดงาน TNI Job Fair ที่สถาบันฯ เพื่อให้นักศึกษาได้สมัครงานกับบริษัทชั้นนำ องค์กรต่าง ๆ ทั้งในประเทศไทย และจากประเทศญี่ปุ่น กว่า 100 บริษัท มีตำแหน่งงานให้นักศึกษาได้เลือกสมัคร กว่า 1,000 อัตรา ซึ่งมั่นใจได้ว่าหากคุณเรียนจบจาก TNI คุณมีโอกาสได้งานทำ 100 % และมีนักศึกษาที่ได้ไปทำงานที่ญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อยกว่า 10% ในแต่ละปีจะมีบริษัทสรรหาบุคลากรจากญี่ปุ่นมาเยี่ยมมากมายหลายบริษัทเพื่อคัดเลือกนักศึกษาจากสถาบันไปทำงานที่ญี่ปุ่น
สำหรับที่นี่ มีปรัชญาการศึกษาอย่างไร เพื่อที่จะผลิตบัณฑิตให้จบออกไปอย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จในการมีงานทำ
ปรัชญาการศึกษาของ TNI เราใช้คำว่า โมโนซึกุริ (Monozukuri) เป็นวิธีคิดแบบญี่ปุ่นที่แปลว่า คิดเป็นทำเป็น คิดจริงทำจริง หรือ Activity Based Learning หรือ Practical Learning ก็ได้ คือคุณจะเรียนโดยใช้ทฤษฎีหรือหนังสืออย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีวิธีการปฏิบัติด้วย ตัวอย่างเช่น คณะบริหารธุรกิจ เราก็มีการจัดกิจกรรมให้นักศึกษาที่เรียนในชั้นปีที่ 3 ทุกคน ได้ลงมือปฏิบัติจริง โดยรวมตัวกันตั้งบริษัทจำลองขึ้นมา ลงทุนเอง ทำการตลาดเอง ได้กำไรเอง หรือเจ๊งเอง เพื่อให้นักศึกษาได้มีประสบการณ์จริง เพื่อจะได้นำไปคิดพัฒนาต่อยอดว่าจะต้องทำอย่างไรจึงจะทำให้บริษัทอยู่รอด ต้องมีภาวะผู้นำ มีความรับผิดชอบ มีความสามารถในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้ และพร้อมที่เข้าทำงานได้จริงทันทีที่จบการศึกษา
TNI เราจะมีคำสองคำที่เป็นหัวใจสำคัญ คือคำว่า Knowledge หรือความรู้ กับ Know how หรือทักษะ การทำเป็น นั่นคือเราไม่ได้สร้างให้คนมีความรู้อย่างเดียว แต่ต้องสอนให้ทุกคนทำงานเป็นและมีคุณภาพ เป็นคนที่ดี รวมทั้งสามารถประสบความสำเร็จ เป็นที่ยอมรับของบริษัทที่จ้างเราไปทำงาน อีกทั้งอาจารย์ที่มาสอน ก็เป็นคนที่มีประสบการณ์การทำงานมาแล้ว เพื่อจะได้บอกนักศึกษาได้ว่า วิชาความรู้ที่เอาไว้ใช้ในการทำงาน ต้องมีอะไรบ้าง
สิ่งนี้คือการวางรากฐานที่มั่นคงให้กับนักศึกษา นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่น ๆ อีกไหมครับที่จะทำให้ผู้ที่เรียนจบจากที่นี่ไปแล้ว “ไม่เคว้ง” หรือมีงานรองรับ
คือต้องบอกว่า หอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ (JCC) มีสมาชิกอยู่ประมาณ 1,800 บริษัท และเป็นบริษัทใหญ่ ๆ ทั้งนั้น นอกจากนี้บริษัทญี่ปุ่นในประเทศไทยมีอยู่ประมาณ 8,000 บริษัทซึ่งถือว่าเยอะมาก แต่ละปีมีบริษัทญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนประมาณ 400 บริษัทโดยนักศึกษาที่จบไปจาก TNI ก็ได้รับการ Qualify ว่ามีคุณภาพที่จะทำงานกับบริษัทเขาได้ อย่างนักศึกษาของเราที่จบคณะวิศวกรรมศาสตร์ จาก TNI ประมาณ 2,000 กว่าคน 90% ได้ทำงานที่บริษัทญี่ปุ่น ทั้ง Toyota, Nissan, Honda, Isuzu ฯลฯ
นอกจากโอกาสในการมีงานทำแน่นอนดังที่กล่าวมา เห็นว่า อีกหนึ่งข้อดีของการมาเรียนที่นี่ก็คือมีทุนการศึกษาให้ ตรงนี้อยากให้อาจารย์กล่าวถึงสักหน่อยครับ
ตอนนี้เรามีทุนการศึกษาประมาณ 130 ทุน/ปี เป็นทุนที่ทางสถาบันฯ เราจัดสรรเองด้วย และมีทุนจากหอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ (JCC) ให้เราส่วนหนึ่ง
ปัจจุบัน TNI ได้จัดสรรทุนให้กับนักศึกษาแบ่งเป็น
- ทุนการศึกษาประเภทที่ 1 คือ ทุนยกเว้นค่าหน่วยกิต 100%
- ทุนการศึกษาประเภทที่ 2 คือทุนยกเว้นค่าหน่วยกิต 50%
- ทุนการศึกษาประเภทที่ 3 คือทุนยกเว้นค่าหน่วยกิต 25%
ขณะที่ในระหว่างสถานการณ์ COVID-19 แบบนี้ หลายคนอยากเข้ามาเรียน แต่ยังมีปัญหาเรื่องภาระทางการเงินพอสมควร เราก็มีการปรับว่าแทนที่จะจ่ายเต็ม 100% ก็สามารถผ่อนจ่ายได้สามงวด เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของผู้ปกครองอีกแบบหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีมาตรการส่งเสริมให้กู้ กยศ.หรือ กรอ.ง่ายขึ้นด้วย
สุดท้ายอยากให้อาจารย์พูดถึงบรรยากาศภาพรวมของการมาเรียนที่นี่ครับว่าเป็นอย่างไรบ้าง
เนื่องจากเราเป็นมหาวิทยาลัยขนาดเล็ก คนที่มาเรียนก็รู้สึกว่า เราให้ความอบอุ่นใกล้ชิดกับเขาได้ เพราะนักศึกษาที่มาเรียนไม่ได้ต้องการความรู้อย่างเดียว เขาต้องการอย่างอื่นอีกมากมายที่ทำให้ชีวิตเขาสมบูรณ์ เรามีระบบการดูแลที่ดี มีอาจารย์ที่ปรึกษาดูแลนักศึกษาได้ใกล้ชิด ถึงสถานที่จะเล็กแต่ก็มีความอบอุ่น ผมคิดว่าเด็กทุกคนต้องการสิ่งเหล่านี้ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ผู้ปกครองมีความสบายใจว่าส่งลูกมาเรียนแล้ว นอกจากจะได้รับความรู้และทักษะใหม่ ๆ ยังมีการดำเนินชีวิตอย่างมีความสุขอีกด้วย
และเหนืออื่นใด คือเราต้องการสร้างคน แม้จะมีจำนวนไม่มากนัก แต่ต้องการให้ทุกคนจบออกไปเป็นคนที่มีคุณภาพที่ดี และมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตให้มากที่สุด สถาบันปลูกฝัง Core Value ที่นอกจากสร้างเป็นคนเก่งแล้วยังเป็นคนดีของสังคมคือ KM-HR-HOP ซึ่งหมายถึง Kaizen (K) การปรับปรุงอย่างต่อเนื่องสไตล์ญี่ปุ่น Monozukuri (M) คิดจริงทำจริง คิดเป็นทำเป็น Hansei (H) การทบทวนการทำงานของตัวเอง Respect (R) การเคารพผู้อื่นและตนเอง Honest (Ho) การซื่อตรงต่อตนเองและผู้อื่น Public Interest (P) การเน้นผลประโยชน์ของสังคมส่วนรวม ล้วนแล้วแต่เป็นวิธีคิดแบบญี่ปุ่นที่ทำให้ญี่ปุ่นเป็นชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจในอดีตและปัจจุบัน
สำหรับผู้ปกครอง และน้อง ๆ นักเรียนที่สนใจ สามารถดูข้อมูลและสอบถามเพิ่มเติมได้ทาง Website: https://www.tni.ac.th/home/ FB : https://web.facebook.com/ThaiNichi/ https://www.facebook.com/TNIadmissioncenter สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น (TNI) 1771/1 ถ.พัฒนาการ (ระหว่างซอยพัฒนาการ 37-39) แขวง/เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ 10250 Tel: 02-763-2601-5 |
“TNI แตกต่างด้วยภาษา ก้าวหน้าด้วยนวัตกรรม”