วธ.รณรงค์คนไทยใส่ผ้าไทยสนองแนวพระราชดำริสมเด็จพระพันปีหลวง ด้านประธานเครือข่ายหัตถกรรม ชุมชนคุณธรรมบ้านดอนข่า จ.ขอนแก่น เผย นำนวัตกรรมพัฒนาผ้าไหมคุ้มสุขโข ใส่แล้วเย็นสบาย ป้องกันรังสียูวี
วันนี้ (24 มี.ค.) นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวแถลงข่าวกิจกรรมรณรงค์เสริมสร้างอัตลักษณ์ความเป็นไทยโครงการผ้าไทยสวมใส่ได้จริง “พลิ้ว” ร่วมกับ บมจ.อสม.จำกัด (มหาชน) เพื่อสืบสานงานศิลปวัฒนธรรมของชาติตามพระราชปณิธานของสมเด็จพระนางจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจสืบสานงานศิลปวัฒนธรรมชาติ รวมถึงการอนุรักษ์ฟื้นฟู ผ้าทอของไทยทั้งผ้าฝ้าย และผ้าไหมในภูมิภาคต่างๆ จึงมีพระราชดำริให้จัดตั้งโครงการศูนย์ศิลปาชีพเพื่อจ้างคนจ้างงาน มีการผลิตและแปรรูปจำหน่ายผ้าไทยสร้างรายได้ให้ประชาชนจนถึงปัจจุบัน และทุกครั้งที่เสด็จพระราชดำเนินไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจทั้งในและต่างประเทศ จะฉลองพระองค์ด้วยผ้าไหมไทย ทำให้ผ้าไหมไทยเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายทั้งในประเทศและต่างประเทศ
สำหรับการจัดกิจกรรมพลิ้ว ถือเป็นการนำร่องรณรงค์ให้บุคคลที่มีชื่อเสียงได้เป็นต้นแบบการใส่ผ้าไทย ควบคู่ไปมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 9 เม.ย. 63 ที่รณรงค์ให้ส่วนราชการและภาคส่วนต่างๆ ใส่ผ้าไทยสัปดาห์ละ 2 วัน ซึ่งปี 2564 ทาง วธ.ได้จัดทำความร่วมมือกับองค์กรสื่อมวลชน และส่วนราชการ เดินหน้าส่งเสริมให้ประชาชนหันมาใส่ผ้าไทยในชีวิตประจำวันด้วยรูปแบบที่หลากหลาย รวมทั้งเผยแพร่องค์ความรู้เกี่ยวกับผ้าไทยผ่านสื่อช่องทางต่างๆ เพื่อประชาชนจะเห็นถึงความสำคัญทั้งยังทราบประวัติ แหล่งผลิตของการผลิตผ้าไทย เป็นการต่อยอดธุรกิจผ้าไทยให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย รวมถึงส่งเสริมให้นำผ้าไทยมาตัดเย็บสามารถใช้ในชีวิตประจำวันมากขึ้น เช่น นำเย็บเป็นหน้ากากผ้าป้องกันโรคโควิด-19 กระเป๋าถือ ผ้าเช็ดหน้า ของตกแต่งบ้าน ฯลฯ นอกจากนี้ วธ.จะคัดสรรผลิตภัณฑ์ชุมชนที่มีอัตลักษณ์ ส่งเสริมเป็นผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย หรือซีพอต ยกระดับเป็นผลิตภัณฑ์ระดับประเทศจำหน่ายทั้งไทยและต่างประเทศต่อไป
นายทวี สุขโข ประธานเครือข่ายหัตถกรรม ชุมชนคุณธรรมบ้านดอนข่า จังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า ขณะนี้ได้พัฒนาผ้าไหมคุ้มสุขโข ให้มีความร่วมสมัยมากขึ้นโดยมีการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและผู้สวมใส่ในแต่ละกลุ่ม โดยเฉพาะผู้หญิงที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก ล่าสุด ได้คิดค้นการใช้เส้นใยฟิลาเจน ที่มีความนุ่ม รักษาความชุ่มชื่นแก่ผิวพรรณกำจัดและปกป้องกลิ่นกายจากแบคทีเรีย อีกทั้งยังป้องกันรังสียูวี และให้อุณหภูมิผิวสัมผัสที่เย็นสบาย ทำให้ได้รับความนิยมต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม เราจะคิดค้นนวัตกรรมและพัฒนาคุณภาพผ้าไทยอย่างต่อเนื่อง