กุลธิดา รุ่งเรืองเกียรติ ประธานกรรมการอำนวยการ โรงเรียนต้นกล้า จ.เชียงใหม่ ซึ่งเปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้นเตรียมอนุบาลไปจนถึงระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ในฐานะ “โรงเรียนทางเลือก” ดำเนินการตามแนวทางการจัดการศึกษาของประเทศฟินแลนด์ เน้นแนวทางจัดการเรียนการสอนที่ยึดธรรมชาติของผู้เรียน เป็นแนวทางในการบ่มเพาะจินตนาการและความสุข เพื่อให้เกิดการเรียนรู้สู่การพัฒนาศักยภาพตัวเอง โดยจัดการเรียนรู้ผ่านการเล่น การลงมือปฏิบัติจริง การสนับสนุนนักเรียนรายบุคคล เพื่อเสริมสร้างจินตนาการบนรากฐานแห่งความสุข ล่าสุด ได้จัดกิจกรรม “Hello Finland” และต้อนรับ ฯพณฯ ยูวริ แยร์วิอะโฮ เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐฟินแลนด์ประจำประเทศไทย ซึ่งให้เกียรติเป็นประธานในพิธีลงนามความร่วมมือใช้หลักสูตร HEI Schools Teacher Toolkit (เฮย์สคูล ทีชเชอร์ ทูลคิท) ระหว่าง บุญเอนก มณีธรรม ผู้ก่อตั้งโรงเรียนต้นกล้า จ.เชียงใหม่ กับ มิลลา ก๊กโก ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เฮลซิงกิ อินเตอร์เนชั่นนอล สคูล กรุ๊ป และ เฮกกิ วาร์เตีย บริษัท เฮลซิงกิ อินเตอร์เนชั่นนอล สคูล กรุ๊ป ผู้จัดการฝ่ายขายและดูแลคู่ค้า ผ่านทางแอปพลิเคชัน Zoom
กุลธิดา เปิดเผยว่า ตลอดเวลาตั้งแต่ก่อตั้งโรงเรียนต้นกล้า จ.เชียงใหม่ ในปี 2552 จนถึงปัจจุบัน เรายังคงมุ่งจัดการศึกษาเพื่อเสริมสร้างศักยภาพตามพัฒนาการของนักเรียน โดยพัฒนาความสามารถในการแข่งขัน และความสามารถในการอยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างมีคุณค่าและมีความสุข โรงเรียนต้นกล้าจึงได้ยกระดับต่อยอดโดยนำหลักสูตรจากประเทศฟินแลนด์ ซึ่งผ่านสถาบันวิจัยและมหาวิทยาลัยที่ศึกษาเกี่ยวกับกระบวนการเล่นที่สร้างเสริมทักษะต่างๆ โดยสอดแทรกวิชาการอย่างแนบเนียน มาใช้อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้ลงนามร่วมมือกับ บริษัท เฮลซิงกิ อินเตอร์เนชั่นนอล สคูล กรุ๊ป ในรูปแบบของหลักสูตร HEI Schools Teacher Toolkit เข้ามาใช้เป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการเรียนการสอนเทียบเท่าระดับสากล
“สำหรับรูปแบบของ HEI Schools Teacher Toolkit นี้ เป็นหลักสูตรปฐมวัยจากประเทศฟินแลนด์ ที่โรงเรียนต้นกล้า จ.เชียงใหม่ นำมาเพิ่มศักยภาพให้คุณครูในการจัดการศึกษาผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อเข้าถึงสื่อการเรียนการสอน กิจกรรมต่างๆ ทั้งรายสัปดาห์และรายเดือน เพื่อยกระดับความรู้ความสามารถในการพัฒนาคุณภาพการจัดการเรียนการสอน หลักสูตรนี้ยังมาพร้อมกับ Teacher's Corner ที่จะช่วยให้ครูต้นกล้าเข้าถึงสื่อการสอนและการพัฒนาวิชาชีพ ผ่านการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับบุคลากรจากประเทศฟินแลนด์ นอกจากนี้ ต้นกล้ายังริเริ่มการพัฒนาครูต้นแบบ จำนวน 3 คน ที่จะได้พัฒนาทักษะและกระบวนการจัดการเรียนการสอนแบบฟินแลนด์ออนไลน์ตลอดระยะเวลา 12 เดือนผ่าน HEI Schools Teacher Certificate เพื่อทักษะวิชาชีพของครู และความเข้มแข็งในการออกแบบการเล่นที่เปี่ยมไปด้วยความรู้และทักษะที่จำเป็นตามช่วงวัยของเด็กๆ อย่างมีความสุข” นางสาวกุลธิดา เล่าถึงความสำคัญของ HEI Schools Teacher Toolkit
ทั้งนี้ ประธานกรรมการอำนวยการ โรงเรียนต้นกล้า จ.เชียงใหม่ กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ ได้นำหลักสูตรและแนวทางจัดการเรียนการสอนจากฟินแลนด์หลายแขนง อาทิ การเรียนรู้ผ่านการเล่น (Learn through play) ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการจัดการเรียนรู้ในระดับอนุบาลที่เปี่ยมไปด้วยการพัฒนาเด็กๆ ทั้งในด้านร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ภาษา อารมณ์และสังคม สร้างโอกาสและความเป็นไปได้ใหม่ๆ รวมทั้งยังสร้างมีจินตนาการใหม่ๆ ให้เด็กๆ ได้ไม่รู้จบ ซึ่งต้นกล้าได้ริเริ่มจัดกระบวนการเรียนรู้ผ่านการเล่นมาเป็นระยะเวลา 12 ปีแล้ว การเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ (Learn through experience) ถือเป็นกระบวนการจัดการเรียนการสอนแบบองค์รวมที่สร้างกระบวนการเรียนรู้ของเด็กๆ จากประสบการณ์รอบตัวพวกเขา (Phenomenon-Based Learning) เช่น ฝุ่น PM 2.5 ที่เกิดขึ้นมาจากไหน ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น และจะแก้ไขด้วยวิธีใดได้บ้างเหล่านี้สามารถนำมาจัดกระบวนการเรียนการสอนได้หลากหลายวิชา อาทิ คณิตศาสตร์, วิทยาศาสตร์, สังคม, สิ่งแวดล้อม, ภาษาไทย, ภาษาอังกฤษ และงานช่าง ฯลฯ
“อีกหนึ่งความร่วมมือที่โรงเรียนต้นกล้า จ.เชียงใหม่ ร่วมกับ Positive Finland (โพสิทีฟ ฟินแลนด์) คือ โปรแกรม See the Good from Positive Finland เน้นการรู้จักตัวเองและจุดแข็งด้านทักษะทางอารมณ์และสังคมของตัวเอง ผ่านการให้ข้อเสนอแนะ (Feedback) เชิงบวกของคุณครูอย่างสม่ำเสมอ ทั้งจากการจัดกิจกรรมในชั้นเรียนและนอกห้องเรียนผ่านการสังเกตพฤติกรรมเชิงบวกของนักเรียน เพื่อให้เด็กๆ ได้ภาคภูมิใจในจุดเด่นของตัวเอง และสร้างการมองเห็นคุณค่าของตัวเอง (self-esteem) ที่ถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งในกระบวนการเติบโตของเด็ก” กุลธิดา กล่าว
ภายหลังจากเยี่ยมชมกิจกรรมและผลงานของนักเรียน ฯพณฯ ยูวริ แยร์วิอะโฮ กล่าวถึงความประทับใจว่า มีความสุขมาก เป็นครั้งแรกที่เดินทางมาจังหวัดเชียงใหม่ และได้มาที่โรงเรียนต้นกล้า รู้สึกเยี่ยมมากเมื่อได้สัมผัสกับสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ของที่นี่ อีกทั้งยังดีใจที่ได้พบเด็กๆ เมื่อเห็นพวกเขาสนุกกับการสร้างงานฝีมือของแต่ละคน การวาดภาพที่แตกต่างกัน รวมถึงโครงงานต่างๆ ที่สำคัญคือได้เห็นพวกเขา “เรียนรู้ผ่านการเล่นและผ่านปรากฏการณ์” คิดว่านี่คือส่วนที่ดีที่สุดของการได้พบกับเด็กๆ ในครั้งนี้ นับเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมมากจริงๆ
ในมุมมองของตัวแทนนักเรียนก็ได้ร่วมเผยถึงความประทับใจเมื่อมาศึกษาในโรงเรียนต้นกล้า จ.เชียงใหม่ รวมถึงสิ่งที่อยากให้มีเพิ่มเติม เริ่มจาก “น้องยุ่น” เด็กชายกัลยวรรธน์ หงษ์ทอง อายุ 8 ปี กำลังศึกษาชั้นประถมปีที่ 2 เผยว่า การเรียนการสอนของโรงเรียนดีมากครับ เพราะคุณครูสอนให้เราเรียนรู้และสนุกได้ไปพร้อมๆ กัน วิชาที่ผมชอบที่สุด คือ วิชาพลศึกษา ยิ่งได้ไปเล่นที่ playground ก็ยิ่งสนุกที่สุด เพราะมีพื้นที่กว้าง แถมยังได้ฝึกกล้ามเนื้อให้แข็งแรงด้วย และสิ่งที่อยากให้โรงเรียนเพิ่มเติมให้กับเด็กๆ คือ การเน้นให้อ่านหนังสือ อาจมีสติกเกอร์สะสมให้เด็กที่อ่านหนังสือเยอะๆ ก็ได้ครับ
ส่วน “น้องต้นหลิว” เด็กหญิงนภัสสร วรรัตน์กุล อายุ 10 ปี กำลังศึกษาชั้นประถมปีที่ 4 กล่าวว่า การเรียนการสอนของที่นี่ เน้นให้เด็กๆ ลงมือทำในสิ่งที่เคยทำ ซึ่งวิชาที่ชอบที่สุด คือ วิชาดนตรี เพราะชอบเล่นอูคูเลเล่ อีกอย่างในห้องเรียน จำนวนนักเรียนต่อห้องก็ไม่เยอะมาก คุณครูเข้าถึงเด็กๆ ได้ทุกคน ส่วนสิ่งที่อยากให้โรงเรียนเพิ่มเติม คือ อยากให้มีอุปกรณ์กีฬาหลากหลายกว่านี้ เด็กๆ จะได้เล่นกีฬาได้หลายประเภทยิ่งขึ้นค่ะ
ปิดท้ายที่ “น้องตี้” เด็กชายณพชภัทร์ วรรัตน์ชัยกุล อายุ 11 ปี กำลังศึกษาชั้นประถมปีที่ 5 เล่าด้วยน้ำเสียงดีใจ ทั้งนี้ ประธานกรรมการอำนวยการ โรงเรียนต้นกล้า จ.เชียงใหม่ กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ ได้นำหลักสูตรและแนวทางจัดการเรียนการสอนจากฟินแลนด์หลายแขนง อาทิ การเรียนรู้ผ่านการเล่น (Learn through play) ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการจัดการเรียนรู้ในระดับอนุบาลที่เปี่ยมไปด้วยการพัฒนาเด็กๆ ทั้งในด้านร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ภาษา อารมณ์และสังคม สร้างโอกาสและความเป็นไปได้ใหม่ๆ รวมทั้งยังสร้างมีจินตนาการใหม่ๆ ให้เด็กๆ ได้ไม่รู้จบ ซึ่งต้นกล้าได้ริเริ่มจัดกระบวนการเรียนรู้ผ่านการเล่นมาเป็นระยะเวลา 12 ปีแล้ว การเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ (Learn through experience) ถือเป็นกระบวนการจัดการเรียนการสอนแบบองค์รวมที่สร้างกระบวนการเรียนรู้ของเด็กๆ จากประสบการณ์รอบตัวพวกเขา (Phenomenon-Based Learning) เช่น ฝุ่น PM 2.5 ที่เกิดขึ้นมาจากไหน ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น และจะแก้ไขด้วยวิธีใดได้บ้างเหล่านี้สามารถนำมาจัดกระบวนการเรียนการสอนได้หลากหลายวิชา อาทิ คณิตศาสตร์, วิทยาศาสตร์, สังคม, สิ่งแวดล้อม, ภาษาไทย, ภาษาอังกฤษ และงานช่าง ฯลฯ
“อีกหนึ่งความร่วมมือที่โรงเรียนต้นกล้า จ.เชียงใหม่ ร่วมกับ Positive Finland (โพสิทีฟ ฟินแลนด์) คือโปรแกรม See the Good from Positive Finland เน้นการรู้จักตัวเองและจุดแข็งด้านทักษะทางอารมณ์และสังคมของตัวเอง ผ่านการให้ข้อเสนอแนะ (Feedback) เชิงบวกของคุณครูอย่างสม่ำเสมอ ทั้งจากการจัดกิจกรรมในชั้นเรียนและนอกห้องเรียนผ่านการสังเกตพฤติกรรมเชิงบวกของนักเรียน เพื่อให้เด็กๆ ได้ภาคภูมิใจในจุดเด่นของตัวเอง และสร้างการมองเห็นคุณค่าของตัวเอง (self-esteem) ที่ถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งในกระบวนการเติบโตของเด็ก” นางสาวกุลธิดา กล่าว
ภายหลังจากเยี่ยมชมกิจกรรมและผลงานของนักเรียน ฯพณฯ ยูวริ แยร์วิอะโฮ กล่าวถึงความประทับใจว่า มีความสุขมาก เป็นครั้งแรกที่เดินทางมาจังหวัดเชียงใหม่ และได้มาที่โรงเรียนต้นกล้า รู้สึกเยี่ยมมากเมื่อได้สัมผัสกับสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ของที่นี่ อีกทั้งยังดีใจที่ได้พบเด็กๆ เมื่อเห็นพวกเขาสนุกกับการสร้างงานฝีมือของแต่ละคน การวาดภาพที่แตกต่างกัน รวมถึงโครงงานต่างๆ ที่สำคัญคือได้เห็นพวกเขา “เรียนรู้ผ่านการเล่นและผ่านปรากฏการณ์” คิดว่านี่คือส่วนที่ดีที่สุดของการได้พบกับเด็กๆ ในครั้งนี้ นับเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมมากจริงๆ
ในมุมมองของตัวแทนนักเรียนก็ได้ร่วมเผยถึงความประทับใจเมื่อมาศึกษาในโรงเรียนต้นกล้า จ.เชียงใหม่ รวมถึงสิ่งที่อยากให้มีเพิ่มเติม เริ่มจาก “น้องยุ่น” เด็กชายกัลยวรรธน์ หงษ์ทอง อายุ 8 ปี กำลังศึกษาชั้นประถมปีที่ 2 เผยว่า การเรียนการสอนของโรงเรียนดีมากครับ เพราะคุณครูสอนให้เราเรียนรู้และสนุกได้ไปพร้อมๆ กัน วิชาที่ผมชอบที่สุดคือวิชาพลศึกษา ยิ่งได้ไปเล่นที่ playground ก็ยิ่งสนุกที่สุด เพราะมีพื้นที่กว้าง แถมยังได้ฝึกกล้ามเนื้อให้แข็งแรงด้วย และสิ่งที่อยากให้โรงเรียนเพิ่มเติมให้กับเด็กๆ คือ การเน้นให้อ่านหนังสือ อาจมีสติกเกอร์สะสมให้เด็กที่อ่านหนังสือเยอะๆ ก็ได้ครับ
ส่วน “น้องต้นหลิว” เด็กหญิงนภัสสร วรรัตน์กุล อายุ 10 ปี กำลังศึกษาชั้นประถมปีที่ 4 กล่าวว่า การเรียนการสอนของที่นี่ เน้นให้เด็กๆ ลงมือทำในสิ่งที่เคยทำ ซึ่งวิชาที่ชอบที่สุด คือวิชาดนตรี เพราะชอบเล่นอูคูเล่เล่ อีกอย่างในห้องเรียน จำนวนนักเรียนต่อห้องก็ไม่เยอะมาก คุณครูเข้าถึงเด็กๆ ได้ทุกคน ส่วนสิ่งที่อยากให้โรงเรียนเพิ่มเติม คืออยากให้มีอุปกรณ์กีฬาหลากหลายกว่านี้ เด็กๆ จะได้เล่นกีฬาได้หลายประเภทยิ่งขึ้นค่ะ
ปิดท้ายที่ “น้องตี้” เด็กชายณพชภัทร์ วรรัตน์ชัยกุล อายุ 11 ปี กำลังศึกษาชั้นประถมปีที่ 5 เล่าด้วยน้ำเสียงสดใสว่า เรียนที่นี่สนุกและเข้าใจดีทุกวิชา ทำให้ไม่เครียด เพราะคุณครูค่อยๆ สอน ถ้านักเรียนยังติดหรือไม่เข้าใจตรงไหน ก็จะอธิบายจนกว่าทุกคนจะเข้าใจ ส่วนวิชาที่ชอบมากเป็นพิเศษ คือ วิทยาศาสตร์ ชอบตรงที่ได้ลงมือปฏิบัติพร้อมกับเพื่อนๆ ทำให้สนุกไม่น่าเบื่อ และหากถามว่าอยากให้โรงเรียนเพิ่มสิ่งใด เจ้าตัวบอกอยากให้มีคาบเรียนวิชาคอมพิวเตอร์มากขึ้น เพราะวิชา Coding ก็เป็นอีกหนึ่งวิชาที่สนุกมาก รวมถึงอยากให้โรงเรียนเปิดสอนในระดับชั้นมัธยมด้วย
อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารโรงเรียนต้นกล้า เชียงใหม่ ย้ำถึงเป้าหมายของการบริหารโรงเรียน ว่า มุ่งพัฒนาให้มีขีดความสามารถสอดคล้องกับมาตรฐานสากลทั้งในระบบปฏิบัติงาน มาตรฐานการปฏิบัติงาน และบุคลากร โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานวิชาการที่จะมุ่งให้เป็นไปตามบริบทสากลและเท่าทันอนาคตที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ผ่านการสร้างความร่วมมือทั้งกับองค์กรระดับชาติ และนานาชาติ รวมทั้งการแลกเปลี่ยนบนเวทีวิชาการทั้งในและนอกประเทศ