แพทย์ชี้วิธีดูดไขมันแบบปลอดภัย ต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากวิสัญญีแพทย์ แนะอย่าหลงเชื่อราคาถูก ไม่ได้มาตรฐาน เสี่ยงถึงชีวิตได้
การดูดไขมันถือเป็นการดูแลรูปร่างสร้างบุคลิกภาพให้ดีขึ้น นับเป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถช่วยแก้ปัญหารูปร่างให้เข้าที่ เสริมสร้างบุคลิกภาพ เพิ่มความมั่นใจ การดูดไขมันกำจัดส่วนเกินได้รับความนิยมกันอย่างแพร่หลายในปัจจุบันทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ เนื่องจากมีความปลอดภัยและเห็นผลสร้างการเปลี่ยนแปลงได้เร็วกว่าการทานยาลดน้ำหนักหลายเท่า
นพ.สุทธิพงษ์ ตรีรัตน์ ผู้อำนวยการแพทย์ รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ ให้ข้อมูลว่า การดูดไขมันถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของผู้ที่ต้องการกำจัดไขมันส่วนเกิน หรือลดกระชับสัดส่วน เป็นวิธีที่ได้ผลเร็วไม่ต้องทานยา เป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั้งในบ้านเราและต่างประเทศ อีกทั้งในปัจจุบันการดูดไขมันมีความปลอดภัยยิ่งขึ้น ทั้งในเรื่องของเครื่องมือทางการแพทย์ที่มีความทันสมัยและถูกพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง ศัลยแพทย์มีความเชี่ยวชาญ รวมถึงห้องผ่าตัดที่ได้รับการรองรับตามมาตรฐานระดับสากล ซึ่งในการดูดไขมันที่ต้องใช้ยาสลบเข้ามาร่วมด้วยจะต้องมีวิสัญญีแพทย์คอยดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อทำให้ทุกขั้นตอนมีความปลอดภัย
นอกจากนี้ ทางกระทรวงสาธารณสุขยังได้เข้ามาดูแลและควบคุมการใช้ยากลุ่ม Fentanyl และยากลุ่ม Propofol (กลุ่มยาบรรเทาปวด) ในสถาบันเสริมความงามทั่วประเทศ โดยยากลุ่มดังกล่าวหากอยู่ในความดูแลของวิสัญญีแพทย์ก็จะไม่ก่อให้เกิดอันตรายอย่างแน่นอน เพราะวิสัญญีแพทย์จะช่วยดูแลและควบคุมการหายใจของคนไข้ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ด้วยการใส่ท่อช่วยหายใจควบคู่กับการใช้ยาที่ถูกต้อง เพราะหัตถการดูดไขมันจนเป็นความเสี่ยงจนถึงชีวิตนั้นเกิดขึ้นได้น้อยครั้งมาก และมาจากปัจจัยภายนอก เช่น สถานบริการไม่ได้มาตรฐาน หรือ ศัลยแพทย์ไม่ได้เป็นคนทำด้วยตนเอง
สำหรับกรณีที่มีข่าวการเสียชีวิตจากการดูดไขมันนั้น นพ.สุทธิพงษ์ ระบุว่า โดยทั่วไปคนไข้ที่มีสุขภาพดี แล้วมาหัวใจวายเสียชีวิตที่คลินิกนั้นแทบเป็นไปไม่ได้ เพราะจากสถิติคนไข้หัวใจหยุดเต้นในห้องผ่าตัดจะมีอัตราการรอดชีวิตสูงถึง 90% เมื่อเทียบกับผู้ป่วยที่หัวใจวายในสถานที่สาธารณะ ซึ่งอัตราการรอดชีวิตเพียงแค่ 15% เท่านั้น เนื่องจากการทำหัตถการจะทำในห้องผ่าตัดใหญ่ที่ได้มาตรฐาน และมีอุปกรณ์ครบครัน รวมถึงมีทีมวิสัญญีแพทย์ที่พร้อมในการช่วยชีวิตกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินได้อย่างทันท่วงที
นพ.สุทธิพงษ์ อธิบายสาเหตุและความเสี่ยงในการดูดไขมันมีทั้งหมด 3 เรื่องด้วยกัน ดังนี้
1. อาการไขมันอุดตันที่เลือดในปอด เป็นภาวะแทรกซ้อนจากการทำศัลยกรรมทั่วไปที่มีความเสี่ยงจากการที่คนไข้ที่มีน้ำหนักตัวมาก และต้องดมยามาเป็นเวลานานเกินไป
2. การแทงทะลุอวัยวะภายในแล้วเสียชีวิต โดยเฉพาะการดูดไขมันช่องท้อง ไขมันอุดตัน เลือดออก และเกิดอาการติดเชื้อ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วพบไม่มากหรือแทบไม่พบเลย
3. ผลแทรกซ้อนจากการใช้ยาสลบแบบไม่ถูกต้อง ใช้โดยที่ไม่มีวิสัญญีแพทย์ ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อคนไข้ได้
นอกจากนี้ ยังพบว่าสาเหตุความเสี่ยงที่เกิดจากการดูดไขมันมีปัจจัยร่วมทั้งหมด 2 เรื่องด้วยกัน ดังนี้
1. ดูดไขมันในปริมาณมากหรือหลายจุดในครั้งเดียว ควรระมัดระวังเนื่องจากมีความเสี่ยงสูง
2. ระยะเวลาในการผ่าตัด หากใช้เวลานานอาจจะส่งผลให้เกิดอันตรายได้เช่นกัน ซึ่งการผ่าตัดที่ใช้เวลานานมีโอกาสทำให้เกิดลิ่มเลือดอุดตันปอดได้ หรือในบางรายที่ทำศัลยกรรมอื่นร่วมด้วยกับการดูดไขมัน ที่ใช้เวลาเกิน 4-6 ชั่วโมง อาจก่อให้เกิดวามเสี่ยงอื่นๆ ตามมาได้
นพ.สุทธิพงษ์ ให้คำแนะนำสำหรับผู้ที่ต้องการดูดไขมันว่า ควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียดอย่างถี่ถ้วนพร้อมเลือกสถานบริการที่ได้มาตรฐานการรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมีที่ประสบการณ์ โดยห้องที่ใช้ในการดูดไขมันนั้นจะต้องได้รับการรับรองมาตรฐานห้องผ่าตัดใหญ่ที่อนุญาตดมยาได้อย่างปลอดภัยจากกระทรวงสาธารณสุขที่ถูกต้อง เพื่อการันตีในเรื่องของความปลอดภัย สุขอนามัย คุณภาพภายในห้องผ่าตัดจะต้องมีเครื่องมือแพทย์ อุปกรณ์การแพทย์ที่ครบครัน และพร้อมใช้งาน ซึ่งนอกจากเครื่องมือที่ใช้แยกตามประเภทของการรักษาแล้ว จะต้องมีเครื่องมือและอุปกรณ์สำคัญที่กระทรวงกำหนด
สำหรับผู้ที่ต้องการดูดไขมัน จะต้องเตรียมตัวและเตรียมความพร้อม โดย นพ.สุทธิพงษ์ ให้ข้อมูลว่า ก่อนเข้ารับบริการจะต้องตรวจหาเชื้อโควิด-19 และตรวจหาเชื้อ HIV ตรวจตับอักเสบบี ตรวจตับอักเสบซี ตรวจการตั้งครรภ์ และตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ รวมถึงการซักประวัติจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จึงช่วยเพิ่มความปลอดภัย และเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ที่เข้ามาศัลยกรรมความงามได้มากยิ่งขึ้นอีก
หากต้องการข้อมูลเกี่ยวกับการดูดไขมันที่ปลอดภัยและถูกต้อง สามารถสอบถามได้ที่รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ หรือโทร. 02-233-1424-5 โดยไม่มีค่าใช้จ่าย