ตอนเด็ก ๆ ดิฉันเคยทำการทดลองวิทยาศาสตร์ชิ้นหนึ่ง เรื่องพลังแห่งจุดรวมแสง แว่นขยายหากเรานำมาส่องบนกระดาษท่ามกลางแดดจัด ๆ และวางถือนิ่ง ๆ จะพบว่า เมื่อจุดรวมแสงแดดไปรวมที่กระดาษ ในที่สุดในรอยจุดรวมแสงนั้นจะมีประกายไฟเกิดขึ้น นั่นคือ พลังแห่งจุดรวมแสง
แต่ขณะเดียวหากเราถือแว่นขยายส่ายไปมาตลอด การรวมแสงที่จะเกิดพลังการลุกไหม้นั้นจะไม่เกิดขึ้น จากเหตุการณ์นี้ทำให้ดิฉันนึกถืง การใช้ชีวิตของคนเราแต่ละวัน การที่เราจะตั้งใจเพ่งทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้ชัดเจน มุ่งมั่น มีสมาธิกับมัน ประกายแห่งความสำเร็จก็จะลุกโชกช่วงไม่ต่างจากประกายไฟที่เกิดจากการรวมแสงของแว่นขยายที่ถือนิ่ง ๆ หน้ากระดาษ
ใจที่ไม่ไหวติง และจดจ่อกับเป้าหมายจะพยายามหาหนทางที่จะทำให้ทำงานไปสู่ความสำเร็จ ส่วนจิตใจวุ่นวาย การจัดการกับชีวิตที่ยังไม่เป็นระบบก็ไม่ต่างกันกับแว่นขยายที่ส่ายไปมาตลอดเวลา ท้ายสุดความสำเร็จก็เกิดขึ้นยาก เพราะไม่สามารถเพ่ง จดจ่อ ให้ความสำคัญกับเรื่องที่สำคัญจริง ๆ ได้
พวกเราล้วนมีความสามารถต่างกันออกไป มนุษย์มีศักยภาพมากมายอย่างเหลือเชื่อ มนุษย์เปลี่ยนแปลงตัวเองจนสามารถยืนหยัดฟันฝ่าจนถึงปัจจุบัน จะเป็นเรื่องน่าเสียดายมากหากเราใช้ศักยภาพอย่างสิ้นเปลือง โดยไม่มีโอกาสใช้ชื่นชมมีความสุขที่เกิดจากกระบวนการสร้างสรรรค์งานตั้งแต่ต้นจนสำเร็จ เพียงเพราะเราไปเพ่งเพียงจุดเล็ก ๆ จุดเดียว เช่น รถ บ้าน เงิน ที่เกิดจากช่วง ๆ หนึ่ง โดยไม่ได้ลิ้มรสแห่งประสบการณ์ ความมุ่งมั่น ตั้งใจ ใส่ใจที่ทุกกระบวนการของการทำงาน
โฟกัส คือ ประสิทธิภาพในการทำงาน รวมถึงการใช้ชีวิตที่มีเป้าหมาย มีความชัดเจน เรียงลำดับเป็นว่าอะไรควรทำก่อนหลัง การรู้จักเพ่งพินิจจัดการกับสิ่งที่สำคัญจริง ๆ คือสื่อกลางที่จะทำให้เราทำงานได้ลึก เก่งขึ้น และชัดเจนขึ้น
คนที่ความคิดไม่เป็นระบบ หรือไม่ฝึกจัดระบบการคิดมักจะใช้เวลาไปอยู่ในเรื่องที่เล็ก ๆ หรือดันทุรัง และรู้สึกว่าตัวเอง "ยุ่ง" ตลอดเวลา จนไม่กล้าที่จะพัก หรือเพ่งสนใจในหลายสิ่งอย่างเกินไปจนท้ายสุดทำให้งานออกมาไม่มีประสิทธิภาพ หรือว่ากันง่าย ๆ คือ งานไม่เสร็จสักที
การเป็นคนมีประสิทธิภาพมีความต่างกับการเป็นคนยุ่งตลอดเวลา คนที่มีประสิทธิภาพอาจมีบางช่วงยุ่งแต่ในที่สุดจะสามารถจัดการให้ลงตัวอย่างรวดเร็ว ในทางกลับกันปัญหาของคนทำงานที่ยุ่ง คือคนที่ไม่มีระบบจัดสรรชีวิตที่ถูกที่ควร ดังนั้นขั้นตอนแรกของการที่จะทำงานให้สำเร็จบรรลุเป้าหมายควรมีขั้นตอนที่ถูกต้องที่จะเอื้อให้เราประสบความสำเร็จ โดยมีดังนี้
1. จัดเวลา ให้ได้ โดยคำนึงถึงสิ่งที่มีอยู่
2. ทำสิ่งที่มีให้เสร็จ โดยไม่เอาสิ่งอื่นที่ไม่เกี่ยวมาแทรก เช่น คิดงานก็ไม่ควรรับสายโทรศัพท์บ่อย มันทำให้ความสามารถในการคิดจางลงทันที
3. ทำเสร็จทีละอย่าง คิดน้อยเรื่องแต่คิดให้ชัดเจน
ดิฉันขอเล่าความแตกต่างของคนทำงานที่ยุ่ง (Busy person) กับคนทำงานที่มีโฟกัส (Focused person) ดังนี้นะคะ
คนยุ่งงานเหมือนคนถูกสาปให้ต้องเป็นเบี้ยล่างของแรงงานตัวเอง ไม่มีเวลาคิดสร้างสรรค์ ไม่มีเวลาให้ครอบครัว และไม่มีเวลาพักผ่อน แม้จะมีความรู้เพียงใด หากจัดสรรตัวเองไม่ได้ก็ไร้ประโยชน์ การพูดพรรณาถึงความสามารถ การศึกษาที่สูงส่ง จะไม่ได้ช่วยให้ชีวิตคุณดีขึ้น เพราะไม่ได้สร้างความสำเร็จในชีวิตให้เป็นที่ประจักษ์
วันนี้หากอายุ 20 แล้วแล้วพูดด้วยความมั่นใจถึงศักยภาพตัวเอง คงเป็นเรื่องน่าภูมิใจไม่น้อย แต่หากเขยิบอายุมาเป็น 40 คงเป็นเรื่องแปลกไม่น้อยถ้าจะมาเสียเวลาพร่ำเพ้อถึงความเก่งกาจ ยิ่งถ้าคุณอายุ 60 แต่ยังเฝ้าพูดซ้ำ ๆ ถึงสิ่งที่จะลงมือทำ คงเป็นการดูถูกตัวเองไม่น้อยหากสิ่งที่พูดไปไม่สำเร็จอย่างที่พูดไว้
สุภาษิตฮินดูเคยสอนไว้ว่า "เรามีสิทธิที่จะเลือกใช้แรงงานของเรา ไม่ใช่ตกเป็นทาสของแรงงานเรา" ดังนั้นวันนี้ลองบริหารเวลา ความคิด การจัดการให้เหมาะสม ความยุ่งต่าง ๆ จะเบาลง กลายเป็นคนทำงานเก่ง ที่มีเวลาให้กับสิ่งที่สำคัญอื่น ๆ ที่จะตามมา
ครูฮ้วง
-----------------
ครูฮ้วง-เสาวลักษณ์ ลี้รุ่งเรืองพร เจ้าของสถาบัน Campus Genius Center ผู้สอนหลักสูตรติวเข้มเพื่อการสอบ SAT ด้วยแนวคิดแบบ Critical Thinking ที่ช่วยให้นักเรียนสามารถยื่นคะแนนเข้าเรียน และประสบความสำเร็จในการเรียนคณะอินเตอร์ทั้งในและต่างประเทศ