ท่ามกลางความทุกข์ใจของ "สรวง สิทธิสมาน" ที่ต้องใช้วิถีชีวิตการเรียนผ่านโลกออนไลน์ ทำให้โอกาสในการใช้ชีวิตนักศึกษาที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีนหายไปกว่าหนึ่งปีแล้ว แต่เขาก็พยายามมองหาโอกาส และไขว่คว้าโอกาสในการทำสิ่งใหม่ๆ เสมอ การจัดรายการ Podcast เป็นอีกประสบการณ์ใหม่ในชีวิตที่ทำให้เขาได้ถ่ายทอดเรื่องราวการเดินทาง ความคิด และชีวิต แต่สิ่งเขาได้มากไปกว่านั้นก็คือ "วิธีคิด" ชีวิตในท่ามกลางที่เราคิดว่าเป็นวิกฤต มักมีโอกาสอยู่เสมอ อยู่ที่ว่าเราจะมองเห็นและไขว่คว้ามันเอาไว้หรือเปล่า !
……………………..
ติดแหงกอยู่เมืองไทยไม่ได้กลับเซี่ยงไฮ้เพราะโควิดมากว่า 1 ปี เรียนออนไลน์เข้าเทอมที่ 3 แล้ว แม้ระยะแรก ๆ จะไม่แฮปปี้นัก ด้วยชีวิตผิดแผนไปมาก แต่ต่อมาก็มีประสบการณ์งานใหม่ ๆ ไหลเข้ามาไม่ขาด หนึ่งในนั้นคือได้รับโอกาสจาก Thai PBS ให้จัดรายการ Podcast พูดคุยเนื้อหาเกี่ยวกับประสบการณ์การเดินทางของตัวเองผ่านการใช้เสียง
จนถึงวันนี้รายการ “เดินเล่า.. เอาเรื่อง” ก็ผ่านมา 5 เดือน 22 ตอนแล้ว นับว่าเป็นการเดินทางที่ให้ความรู้และประสบการณ์ รวมถึงให้โอกาสตัวเองได้ฝึกฝนทักษะใหม่ ๆ สำหรับการทำงานในวงการสื่อ
ในวิกฤตมักมีโอกาสเสมอ....
เรื่องเริ่มต้นในช่วงบ่ายวันหนึ่งของเดือนกรกฎาคม 2563 คุณแม่โนเดินเข้ามาหาผมที่กำลังนอนอยู่บนเก้าอี้นวดแล้วถามว่า “สนใจทำ Podcast ไหมลูก?” เล่นเอาตัวกระเด้งดึ๋งขึ้นมาเลย
เอ้า! สนสิครับ ผมนี่แหละแฟนตัวยงของการฟัง Podcast เลย พอลองนึกภาพตัวเองได้เป็นผู้จัดรายการ ได้อัดเสียงโม้ประสบการณ์ตัวเองให้คนอื่นฟังบ้างก็คงจะสนุกอยู่ไม่น้อย จึงตอบตกลงคุณแม่ไปอย่างไม่ลังเลโดยไม่ได้ถามอะไรมาก
และนั่นก็เป็นการตัดสินใจที่นำพาตัวผมไปพบกับ น้านุ่น-โสภิต หวังวิวัฒนา....
น้านุ่นเป็นเพื่อนกับคุณแม่ครับ แต่บทบาทในวงการสื่อของเธอในปัจจุบันคือผู้จัดการสื่อเสียงของ Thai PBS เป็นหัวขบวนของทีมงาน Thai PBS Podcast ที่เป็นต้นสังกัดของรายการ “เดินเล่า.. เอาเรื่อง” นั่นเอง น้านุ่นเล่าให้ผมฟังว่าชอบงานเขียนของผมในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา จะอ่านผ่านตาบ้างก็ดี หรือตั้งใจอ่านบ้างก็ดี แต่ผมเดาว่าน้านุ่นคงต้องการจะให้โอกาสเด็กรุ่นใหม่ และคงได้เห็นอะไรบางอย่างในเนื้อหาบทความที่อยากจะให้ผมนำมาเล่าผ่านการใช้เสียง จึงได้ชักชวนผ่านคุณแม่ให้ผมมาเป็นหนึ่งในผู้จัดรายการ
ถึงแม้ตั้งแต่ผมโตพอจำความได้จะเคยชินกับการเห็นคุณแม่ทำงานสื่อเสียง เป็นผู้จัดรายการวิทยุมาโดยตลอด และแม้ตัวผมเองก็รักในการฟัง Podcast เอามาก ๆ แต่การเป็นผู้จัดเองไม่เคยปรากฏอยู่ในแผนชีวิตของตัวเองเลย ครั้นเมื่อมันเข้ามาเป็นโอกาสดั่งฟ้าประทาน คงจะเสียดายหากไม่เลือกที่จะไขว่คว้ามันเอาไว้
ในขณะที่รับฟังแนวทางงานจากน้านุ่น ทั้งปรึกษารูปแบบและแนวทางของรายการ รวมถึงทำความรู้จักกับศาสตร์การใช้เสียงเล่าเรื่อง มีอยู่สองสิ่งที่ผมค้นพบในวันนั้น สิ่งแรกคือความเชี่ยวชาญในการใช้เสียงของน้านุ่นนั้นคือของจริง ประหนึ่งศิลปินที่เชี่ยวชาญในการวาดภาพ และนักปราชญ์ที่ชำนาญในการเล่นหมากรุก ไม่เพียงเนื้อหาที่แสดงให้ผมเห็นถึงความรู้และประสบการณ์การทำงานในแวดวงสื่อเสียง แต่ยังรวมถึงน้ำเสียงของน้านุ่นเองที่ทั้งนุ่มนวลและหนักแน่นในเวลาเดียวกัน ไม่ต่างจากเสียงอัพเดตข่าวเช้าในรายการวิทยุที่น้านุ่นเคยเป็นผู้ดำเนินรายการ
นอกจากนี้ผมยังได้พบว่าการทำ Podcast ไม่ใช่เรื่องง่าย และการเป็น Podcaster นั้นก็ต้องใช้พลังงานมากกว่าที่คิด โดยเฉพาะสำหรับตัวผมที่ธรรมชาติเป็นคนน้ำเสียงนิ่งเรียบและทุ้มต่ำ (Monotone) ยากที่จะแสดงอารมณ์ออกมาผ่านน้ำเสียงเพียว ๆ ในช่วงต้น เนื่องจากคุ้นชินกับการเรียบเรียงตัวหนังสือมากกว่าการเรียบเรียงคำพูด จึงมักจะพูดออกมาเป็นภาษาเขียน และเรียบเรียงบทพูดคล้ายกับการจัดย่อหน้าบทความ ทำให้เสียงที่ออกมาขาดความผ่อนคลาย ฟังดูไม่เป็นธรรมชาติ ไหนจะต้องปรับน้ำเสียงตัวเองที่มีความนิ่งเรียบเกินไปให้มีความสนุกตื่นเต้นยิ่งขึ้น เพื่อสร้างความเป็นกันเองระหว่างผู้จัดและผู้ฟัง และเพื่อดึงผู้ฟังให้ ‘อิน’ กับ ‘สาร’ ของเราโดยไม่ต้องให้เขาเห็นหน้า
สำหรับ Demo เทปแรกที่ผมอัดออกมานี่คือฟังแล้วต้องถอนหายใจกันทั้งสตูดิโอเลยครับ...
บอกตามตรงว่าในช่วงแรก การจัด Podcast ทำเอาผมเครียดเลยครับ แต่โชคดีที่ผมมีผู้ร่วมจัดรายการอย่าง พี่หมิว-ไอยดา สนศรี ผู้ที่เป็นทั้ง Podcaster และ Producer ของรายการ “เดินเล่า.. เอาเรื่อง” การมีพี่หมิวมาเป็นคู่สนทนาในรายการทำให้บรรยากาศของรายการมีความผ่อนคลายมากขึ้น เสียงโทนสูงของพี่หมิวทำหน้าที่สร้างสมดุลให้กับเสียงโทนต่ำของผมได้อย่างดี ในขณะเดียวกันตัวผมยังได้เรียนรู้ทักษะการจัด Podcast เพิ่มเติมจากพี่หมิว จนไม่นานผมก็จับทางได้ จากนั้นการทำ Podcast ก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับผมอีกต่อไป
การใช้เสียงเล่าเรื่องให้น่าสนใจนั้นเป็นศิลปะที่ต้องพึ่งพาชั่วโมงบินพอสมควร ผมฝึกพูดกับตัวเองไปเรื่อย ๆ ผ่านกระจกในทุก ๆ ครั้งระหว่างอาบน้ำ และในตอนขับรถหรือขับถ่าย จนเมื่อผ่านไปเพียงแค่เดือนแรกเท่านั้น ความสามารถในการพูดของผมที่ไม่ใช่แค่ใน Podcast ก็เพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ ทำให้ผมมีความมั่นใจเวลาออกไปติดต่อผู้คนในงานอื่นที่ไหลเข้ามาทดแทนการเรียนในห้องเรียนกับเหล่าซือที่เซี่ยงไฮ้
การจัด Podcast ไม่ง่ายเลยครับ ยิ่งสำหรับผมที่ไม่ใช่นักพูดโดยธรรมชาติ ยิ่งต้องพยายามอย่างหนัก และผมก็ชื่นชมตัวเองที่ขยันมากพอจนผลิตออกมาได้ต่อเนื่องทุกสัปดาห์เป็นเวลา 5 เดือน 22 EP. รวมเป็นเวลาประมาณ 11 ชั่วโมง บอกตามตรงว่าเหนือความคาดหมายมาก
พอผ่านมาถึงตอนนี้แล้ว ผมยิ่งรู้สึกขอบคุณตัวเองที่ไขว่คว้าโอกาสไว้ในตอนนั้น ขอบคุณน้านุ่นที่เชื่อในตัวผม ขอบคุณพี่หมิวที่ช่วยเหลือ ขอบคุณคุณแม่ที่คอยให้คำแนะนำ และจริงอยู่ครับ ผมเกลียดโควิด แต่ก็ต้องยอมรับว่าถ้าไม่มีโควิดผมก็ต้องกลับจีน และไม่มีวันได้รับโอกาสเช่นนี้จนกว่าผมจะเรียนจบในอีก 1 ปีข้างหน้าแน่นอน
ในย่อหน้าสุดท้ายนี้ผมขอฝากรายการ “เดินเล่า.. เอาเรื่อง” ของผมทาง ThaiPBS Podcast แล้วกันครับ รายการจะลง EP. ใหม่ทุกวันเสาร์ ซึ่งมีอีกหลายรายการที่น่าสนใจ
ไม่ได้โฆษณาแฝงนะครับ ถือว่าเป็นการบอกเล่าประสบการณ์ใหม่ ๆ เพื่อที่จะบอกว่าในทุกวิกฤตจะมีโอกาสเสมอ สุดอยู่ที่ว่าเราจะไขว่คว้าเอาไว้ได้หรือไม่ !