กรุงเทพมหานคร ประสานหน่วยงานเกี่ยวข้อง ขยายพื้นที่ตรวจเชิงรุกไปเขตติดต่อจังหวัดปทุมธานี สร้าง อสต. ช่วยควบคุมโรคและเฝ้าระวังการแพร่ระบาดโควิด-19
เมื่อวันที่ 2 มี.ค. พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) กรุงเทพมหานคร (ศบค.กทม.) เป็นประธานการประชุม ศบค.กทม. ครั้งที่ 21/2564 โดยมี คณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ผู้แทนสำนัก ผู้แทน บช.น. ผู้แทน กอ.รมน.กทม. ผู้แทนกลุ่มเขต และผู้แทนส่วนราชการในสังกัดกรุงเทพมหานครที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า)
ที่ประชุมกล่าวถึงสถานการณ์การพร่ระบาดโรคโควิด-19 ในพื้นที่กรุงเทพฯ ว่า ปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยกรุงเทพมหานคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถสอบสวนโรคและควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ได้อย่างน่าพอใจ อย่างไรก็ตามที่ประชุมได้กำชับให้คณะทำงานด้านการประสานงานการดูแลความสงบเรียบร้อย ซึ่งมีสำนักเทศกิจ เป็นเลขานุการคณะทำงาน ประสานสำนักงานเขตและหน่วยงานต่างๆ อาทิ กองบัญชาการตำรวนนครบาล กอ.รมน.กทม. เป็นต้น เข้มงวดตรวจตราสถานประกอบการ กิจการ กิจกรรมที่ได้รับการผ่อนปรน โดยเฉพาะสถานประกอบการผับ บาร์ คาราโอเกะ เป็นต้น เพื่อให้เจ้าของ ผู้ประกอบการ รวมทั้งผู้ใช้บริการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ตามที่หน่วยงานราชการกำหนดอย่างเคร่งครัด เช่น การสวมหน้ากากอนามัย การเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล การใช้เพลตฟอร์ม “ไทยชนะ” หรือ “หมอชนะ” เป็นต้น
ที่ผ่านมา กรุงเทพมหานคร โดยสำนักอนามัย สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง กรมควบคุมโรค (สปคม.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ปฏิบัติการตรวจเชิงรุกในสถานประกอบการ ตลาด และชุมชน ในพื้นที่เขตหนองแขม บางขุนเทียน บางแค จอมทอง บางบอน และเขตภาษีเจริญ ซึ่งเป็นเขตติดต่อจังหวัดสมุทรสาคร และที่ผ่านมาเป็นเขตที่มีการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 จำนวนมาก รวมทั้งได้ดำเนินการตรวจเชิงรุกในสถานที่และบุคคลต่างๆ ตามข้อมูลการสอบสวนโรคของผู้ติดเชื้อ โดยผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 18 ธ.ค. 63 ถึงปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 1 มี.ค. 64) ตรวจเชิงรุก รวมทั้งสิ้น 66,157 ราย พบผู้ติดเชื้อทั้งสิ้น 126 คน
ทั้งนี้กรุงเทพมหานคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงกำหนดแผนการตรวจโควิดเชิงรุกเพิ่มเติมในชุมชนพื้นที่ใกล้เคียงกับจังหวัดปทุมธานี ประกอบด้วย เขตดอนเมือง หลักสี่ บางเขน สายไหม และเขตคลองสามวา โดย สปคม. จะนำรถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัยพระราชทาน ไปเก็บสิ่งส่งตรวจ (swab) ระหว่างวันที่ 11 -31 มี .ค. 64 โดยจะสุ่ม swab ประชาชนในชุมชนที่จดทะเบียนกับกรุงเทพมหานครทุกชุมชนๆ ละ 50 คน สำหรับประชาชนกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ 1.ผู้ทำงานในสถานประกอบการที่มีแรงงานต่างด้าว 2.ผู้ที่เคยเดินทางไปพื้นที่เขตจอมทอง หนองแขม บางบอน บางแค บางขุนเทียน จังหวัดปทุม หรือจังหวัดสมุทรสาคร 3.บริเวณที่พักที่มีแรงงานต่างด้าว เป็นต้น
สำหรับการป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ระยะยาว ในพื้นที่เขตติดต่อสมุทรสาคร กรุงเทพมหานคร ได้ร่วมกับ สปคม. ภาคีเครือข่าย อาทิ มูลนิธิรักษ์ไทย มูลนิธิศุภนิมิต องค์การอนามัยโลด (WHO) และสถานประกอบการ จัดอบรมพัฒนาศักยภาพอาสาสมัครสาธารณสุขต่างด้าว (อสต.) พื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยมีผู้เข้ารับการอบรม รวมจำนวน 70 คน เป็นแรงงานต่างด้าวจากสถานประกอบการ 9 แห่ง ได้แก่ บริษัท ADDA บริษัท เอช จี เพลทติ้ง จำกัด บริษัทมิลล์คอนสตีล จำกัด มหาชน บริษัทเฮงสกรู จำกัด หจก.ลีลาแหอวน บริษัทห้องเย็นท่าข้าม จำกัด รวมทั้งแรงงานต่างด้าวจากตลาดพรวิชัย และตลาดปากซอยเทียนทะเล 8 โดยให้ความรู้เรื่องโควิด-19 บทบาทหน้าที่ของ อสต. การเฝ้าระวังโรคในชุมชน การสำรวจชุมชน และการคัดกรองโรคโควิด-19 พร้อมทั้งได้คัดเลือกตัวแทนโรงงานละ 1 คน เป็นหัวหน้า อสต. เพื่อติดต่อ สื่อสาร ประสานงานกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และมอบให้ อสต. ทุกคน ไปสำรวจสถานะสุขภาพของเพื่อนบ้านคนละ 10 ครัวเรือน ตามแบบฟอร์มที่ทางทีมงานจัดทำขึ้น เพื่อให้การป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 เป็นไปอย่างต่อเนื่องต่อไป