xs
xsm
sm
md
lg

ตรุษจีน 2.5/ดร.สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เจ้าลูกชายคนเล็ก “สิน สิทธิสมาน” เป็นโรคภูมิแพ้มาตั้งแต่เล็ก ยิ่งโตก็ยิ่งเป็นมากขึ้น พอมาเจอฝุ่นพิษ 2.5 ทำให้ต้องเข้ารับการรักษาแบบเป็นเรื่องเป็นราว และเมื่อต้องมาเจอสถานการณ์ COVID-19 เข้าไปอีก หลายเรื่องจึงกลายเป็นปัญหาพัลวัน แล้วไหนจะใกล้วันตรุษจีน นั่นหมายความว่าเขาอยู่เมืองไทยเกือบครบหนึ่งปีตั้งแต่ตรุษจีนปีที่แล้ว โดยไม่ได้กลับไปเรียนที่จีนอีก ซึ่งทำให้เขาเริ่มตั้งคำถามว่าแล้วเราจะต้องอยู่กับสถานการณ์อย่างนี้ตลอดไปหรือ ? ผ่านคอลัมน์นี้

…………

อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันตรุษจีนแล้ว...

เป็นปกติที่ครอบครัวและญาติพี่น้องของผมจะมารวมตัวพร้อมหน้าพร้อมตากันในทุกวันตรุษจีนของแต่ละปีถ้าไม่ติดธุระอะไรสำคัญจริง ๆ แม้ว่าผมจะเรียนอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ แต่มหาวิทยาลัยแทบทุกแห่งของจีนมักจะปิดเทอมกลางปีการศึกษาช่วงก่อนวันตรุษจีนพอดี จึงทำให้ผมและพี่ชายได้กลับมารวมตัวกับครอบครัวทุก ๆ วันตรุษจีนเลยก็ว่าได้

แต่ปีนี้ค่อนข้างแตกต่าง เพราะนับตั้งแต่ตรุษจีนปีที่แล้วยาวจนมาถึงตรุษจีนปีนี้ ตัวผมและพี่ชายก็ได้ใช้ชีวิตรวมแล้ว 1 ปีเต็ม ๆ เรียนออนไลน์ที่ประเทศไทย เหตุผลก็อย่างที่ทุกท่านทราบกันดีอยู่แล้ว เป็นเพราะสถานการณ์ COVID-19 ที่ยังไม่ดีขึ้นของทั่วโลกนั่นแหละครับ

แต่ตอนนี้สำหรับตัวผม สิ่งที่ร้ายกาจกว่า COVID-19 ก็คือฝุ่น PM 2.5 !

ต้องบอกแบบนี้ก่อนว่า ตัวผมเป็นคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ค่อนข้างหนัก และจากการตรวจเลือดในห้องแล็บล่าสุดพบสิ่งที่แพ้ก็คือ “ไรฝุ่น” หมอบอกว่าแพ้ระดับ 4 ซึ่งถือว่าหนักเอาการสำหรับคนไทย

อาการของผมขอบอกเล่ากันง่าย ๆ คือไม่สามารถหายใจด้วยจมูกทั้ง 2 ข้างพร้อมกัน ถ้าข้างหนึ่งหายใจออก อีกข้างหนึ่งก็มักจะมีอาการตันอยู่เสมอ การกินยาหรือใช้ยาพ่นก็สามารถช่วยได้ในระดับหนึ่ง แต่ไม่สามารถทำให้หายใจคล่องได้แบบ 100 % เจ้าตัวไรฝุ่นนี้ ผมได้คุยกับคุณหมอผู้เชี่ยวชาญมาแล้ว ท่านบอกว่าเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก เพราะจะอยู่ในแทบทุก ๆ ที่ของบ้าน ต่อให้ทำความสะอาดมากแค่ไหนก็ยังสามารถพบเจอได้อยู่ดี ที่ ๆ ไรฝุ่นอยู่มากที่สุดก็หนีไม่พ้นคือห้องนอน

คุณหมอยังได้บอกอีกว่าถ้าจะนอนแบบไม่ให้เจอไรฝุ่นจริง ๆ ต้องนอนบนแผ่นพลาสติกขนาดหนา ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้น ผมคงยังต้องเลือกนอนบนเตียงนุ่ม ๆ ดีกว่า ฮ่า ๆ

ทีนี้การที่ผมมีอาการแพ้ และมีปัญหากับระบบหายใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว การที่ต้องมาเจออากาศมลพิษอย่างฝุ่น PM 2.5 มันทำให้ระบบการหายใจของผมแย่ลงไปอีก ไอ้ที่รูจมูกเคยตันข้างเดียว บางเวลากลับตันทั้ง 2 ข้าง

โดยธรรมชาติผมเป็นคนที่ชอบออกกำลังกาย outdoor เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็ทำให้รู้สึกว่าการจะไปทำกิจวัตรตามเดิมเป็นเรื่องที่ไม่ควร และไม่อาจทำได้อีกต่อไป

แต่มีกิจวัตรใหม่เข้ามาแทนที่

คือต้องคอยเช็คสภาพอากาศแต่ละวันจากแอพพลิเคชั่นที่โหลดลงมือถือว่า ดี แย่ เลวร้ายแค่ไหน วันไหนถ้าได้เห็นกราฟเป็นสีเหลืองหน่อย ก็รู้สึกแฮปปี้แล้ว ทั้ง ๆ ที่มันควรจะเป็นสีเขียวมิใช่รึ ?
ไม่ใช่แค่ตัวผมนะครับ แต่ยังกระทบไปถึงคนในครอบครัวของผมด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคุณพ่อ และอาม่า

คุณพ่อเริ่มออกกำลังกายแบบจริงจังมาได้ซักราว ๆ 5 ปีได้แล้วครับ ซึ่งท่านก็มีวินัยต่อเนื่อง ทั้งเรื่องลดอาหารมื้อเย็น และเดินเกือบทุกวัน ๆ ละ 1 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ ทำให้สุขภาพโดยรวมของท่านดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ไม่รู้ว่าเหตุใด เครื่องวิ่งสายพานที่ใช้มาเกือบ 6 ปีดันมาพังเสียได้ ทำให้ท่านต้องเปลี่ยนไปเป็นการเดินรอบหมู่บ้านแทน ซึ่งช่วงนี้ก็โดนคุณแม่ห้ามไว้อยู่ตลอดครับ เพราะกราฟมักจะเป็นสีแดงและสีม่วงเกือบทุกวัน

เรื่องนี้เกิดขึ้นไม่เว้นแม้แต่อาม่าครับ

อาม่าของผมเป็นคนที่มีวินัยต่อการออกกำลังกายมากที่สุดในบ้าน ทุกวันท่านจะตื่นตั้งแต่ตี 4 ครึ่งแล้วออกมาเดินรอบหมู่บ้านในตอนเช้า และช่วงเย็นพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน ก็จะออกมาเดินอีกรอบหนึ่งครับ สรุปว่าใน 1 วันท่านจะเดิน 2 รอบ รอบเช้ากับรอบเย็น แต่ตอนนี้คุณแม่ของผมค่อนข้างเข้มงวดเรื่องฝุ่นมาก คุณแม่ให้ทุกคนโหลดแอปพลิเคชั่นที่มีไว้สำหรับตรวจสอบค่าของฝุ่น ไม่เว้นแม้แต่อาม่า

ถ้าเกิดผลออกมาเกินสีเหลือง คุณแม่จะไม่ให้ใครออกไปเดินเลย

ช่วงนี้ตั้งแต่ต้นปีมาก็เกินสีเหลืองเกือบทุกวัน

อาม่าของผมจากเดิมที่เจอสถานการณ์ COVID-19 เล่นงาน จนออกไปเที่ยวกับญาติพี่น้องไม่ได้ ตอนนี้แม้แต่จะออกกำลังกายตามกิจวัตรประจำวันของตัวเอง ยังไม่ได้เลยครับ

ตรุษจีนปีที่แล้วฝุ่น PM 2.5 อาจจะไม่ได้เยอะมากเท่ากับปีนี้ หรืออาจเพราะ COVID-19 ทำให้คนออกจากบ้านลดน้อยลงอยู่แล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่า ตรุษจีนปีที่แล้วไม่มี PM 2.5

ฝุ่น PM 2.5 นั้นมีมาหลายปีแล้ว และไม่มีท่าทีว่าจะลดลง หรือมีท่าทีที่จะแก้ปัญหาได้อย่างจริงจังเลย นี่ขนาดตอนนี้รถที่วิ่งบนท้องถนนยังไม่มากนัก เพราะโรงเรียนยังไม่เปิดและ Work From Home แต่ค่าของฝุ่นก็ยังขึ้นเป็นสีม่วงติด ๆ กัน
ถึงเวลาแล้วรึเปล่าที่ต้องมีการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน

คุณพ่อคุณแม่ของผมเล่าให้ฟังว่าเมื่อสมัยก่อนคนไทยไม่ต้องซื้อน้ำดื่ม เพราะสามารถเอาโอ่งมารองน้ำฝนกักไว้ดื่มได้ ซึ่งผมก็นึกภาพไม่ออกว่ามันจะเป็นอย่างไรในสมัยนั้น เพราะตั้งแต่เกิดมา ก็ซื้อน้ำดื่มมาโดยตลอด

อาจเป็นไปได้ว่าในอนาคตสิ่งที่เราต้องการมากอย่างอากาศบริสุทธิ์อาจจะเป็นสินค้าที่ซื้อขายกันอย่างน้ำดื่มในปัจจุบันก็เป็นได้

จนถึงขณะนี้ได้แต่ภาวนาไม่อยากให้ตรุษจีนของทุกปีต้องเป็นตรุษจีน 2.5 ตลอดไป


..ชุนเจี๋ยไคว่เล่อครับ..
กำลังโหลดความคิดเห็น