ศบค.กทม. ขอบคุณประชาชนช่วย “รวมใจไทย ต้านภัยโควิด-19” สกัดการแพร่ระบาดโควิด-19 เผยต่างชาติลักลอบเข้ากรุง 19 คน ตรวจพบว่าเป็นผู้ติดเชื้อโควิด-19 ถึง 7 ราย ส่วนอีก 12 ราย อยู่ระหว่างกักตัวและรอการตรวจหาเชื้อรอบที่ 2
วันนี้ (5 ม.ค.) พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) กรุงเทพมหานคร (ศบค.กทม.) เป็นประธานการประชุม ศบค.กทม. ครั้งที่ 3/2564 โดยมี คณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ผู้แทนสำนัก ผู้แทน บช.น. ผู้แทน กอ.รมน.กทม. ผู้แทนกลุ่มเขต และผู้แทนส่วนราชการในสังกัดกรุงเทพมหานคร ที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า)
ศบค.กทม. ขอขอบคุณประชาชนในชุมชนที่ช่วยเป็นหูเป็นตาและแจ้งเบาะแส ทำให้หน่วยงานราชการสามารถจับกุมชาวต่างประเทศที่ลักลอบเข้าประเทศโดยผิดกฎหมายได้ทั้งสิ้น จำนวน 19 ราย ซึ่งในจำนวนดังกล่าวได้ตรวจพบว่าเป็นผู้ติดเชื้อโควิด-19 ถึง 7 ราย ส่วนอีก 12 ราย อยู่ระหว่างกักตัวและรอการตรวจหาเชื้อรอบที่ 2 ต่อกรณีดังกล่าว ศบค.กทม. จึงขอความร่วมมือประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตา หากพบแหล่งมั่วสุมกระทำผิดกฎหมายในพื้นที่ ขอให้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อลดแหล่งมั่วสุมกระทำผิดกฎหมายซึ่งเป็นแหล่งแพร่กระจายโรคโควิด-19 ที่สำคัญ
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้กำชับให้สำนักงานเขตและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ศึกษาและทำความเข้าใจประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 16) ลงวันที่ 4 ม.ค. 64 รวมทั้งมาตรการป้องกันโรคตามที่ราชการกำหนด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แนบท้ายประกาศกรุงเทพมหานครข้างต้นให้ชัดเจน โดยให้ลงพื้นที่ตรวจแนะนำสถานประกอบการให้ปฏิบัติตามประกาศฯ และมาตรการแนบท้ายดังกล่าวอย่างเข้มงวด เพื่อให้การควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่สามารถนั่งรับประทานอาหารในร้านได้ จะต้องมีฉากกั้นระหว่างผู้ใช้บริการกับอาหารที่จำหน่าย มีการเว้นระยะห่างระหว่างผู้ใช้บริการไม่น้อยกว่า 1.5 ม. หากมีระยะห่างน้อยกว่า 1.5 ม. แต่ต้องไม่น้อยกว่า 1 ม. จะต้องมีฉากกั้นระหว่างลูกค้า เป็นต้น
นอกจากนี้ ขอให้ทุกหน่วยงานรณรงค์ประชาสัมพันธ์เพื่อให้ประชาชนทราบว่า หากผู้ใดได้เคยเดินทางเข้าไปในพื้นที่ที่ตรวจพบผู้ติดเชื้อ ขอให้กักกันตนเองและหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับบุคคลอื่น เป็นเวลา 14 วัน ระหว่างกักกันตนเองหากพบว่ามีอาการผิดปกติ ขอให้รีบไปพบแพทย์ ณ โรงพยาบาล หรือศูนย์บริการสาธารณสุขใกล้บ้าน และให้ข้อมูลที่แท้จริงกับแพทย์ด้วย