xs
xsm
sm
md
lg

BME ม.รังสิตเพิ่มการผลิตบัณฑิตด้าน Healthcare System Engineering รับปี 64

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



วิทยาลัยวิศวกรรมชีวการแพทย์ มหาวิทยาลัยรังสิต เพิ่มการผลิตบัณฑิตทางด้าน Healthcare System Engineering พร้อมเข้าสู่เฟสวิทยาลัยแห่งนวัตกรรมและผู้ประกอบการสมบูรณ์แบบรับปี 2564

รองศาสตราจารย์ นันทชัย ทองแป้น คณบดีวิทยาลัยวิศวกรรมชีวการแพทย์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า จากการวิเคราะห์สถานการณ์ของประเทศและของสังคมโลกในปัจจุบันพบว่า ทิศทางของการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจและสังคมจะมุ่งเน้นทางด้านนวัตกรรมและการเป็นผู้ประกอบการ ในด้านของตลาดแรงงานทางด้านการแพทย์นั้นในอนาคตก็จะไปในทิศทางที่ต้องการบัณฑิตที่มีองค์ความรู้และทักษะขั้นสูงมากขึ้น ต้องมีองค์ความรู้ที่ครบมีทั้งในด้านเนื้อหา (Content) เทคโนโลยีและวิธีการนำเสนอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทักษะและองค์ความรู้ทางด้านระบบอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (Internet of Things) การวิเคราะห์ข้อมูลด้วยระบบคอมพิวเตอร์โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดทำระบบการจัดการข้อมูลในสถานบริการทางด้านการดูแลรักษาสุขภาพเช่นระบบ Hospital Information Systemsในลักษณะต่างๆ ทักษะและองค์ความรู้ทางด้านปัญญาประดิษฐ์ สำหรับในด้านของลักษณะงานที่เป็นที่ต้องการเป็นอย่างสูงมากขึ้นของตลาดแรงงานในปัจจุบันและอนาคตคือนักวิเคราะห์เพื่อแก้ปัญหาให้ตอบโจทย์ (Solution) ตามความต้องการของสถานประกอบการโดยที่เงินเดือนหรือรายได้ก็ย่อมสูงตามความต้องการไปด้วยในตัวมันเอง

จากทิศทางของอุปสงค์ (Demand) ดังกล่าว ประกอบกับทางวิทยาลัยวิศวกรรมชีวการแพทย์ มหาวิทยาลัยรังสิตได้มีทิศทางการพัฒนาคนเพื่อผลิตบัณฑิต มหาบัณฑิตและดุษฎีบัณฑิต ในทิศทางดังกล่าวอยู่แล้ว ทั้งนี้ เพื่อให้มีความชัดเจนมากขึ้นในปีการศึกษา 2564 ทางวิทยาลัยฯ จึงได้มีการเน้นการผลิตบัณฑิตเพื่อให้จบออกไปเป็นวิศวกรชีวการแพทย์ที่สามารถใช้องค์ความรู้และทักษะในการวิเคราะห์เพื่อหาคำตอบให้ตรงกับความต้องการขององค์กรที่เรียกว่า Healthcare Systems Biomedical Engineerโดยเน้นใน 3 แขนงย่อยดังนี้
1.เครื่องมือแพทย์แบบอัฉริยะและวิศวกรรมคลินิก (Smart Medical Devices & Clinical Engineering) รับนักศึกษาจำนวน 40 คน
2.Smart Inspire Biomaterials for Tissue Engineering รับนักศึกษาจำนวน 20 คน
3.Healthcare Systems Engineering รับนักศึกษาจำนวน 30 คน

ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มโอกาสการทำงานของบัณฑิตให้สอดคล้องกับความต้องการของทั้งนายจ้างในศตวรรษที่ 21 และการเป็นเจ้าของกิจการด้วยตนเอง โดยที่แนวทางการทำงานสำหรับแขนง Healthcare Systems Engineering นั้น มีหลากหลายเส้นทาง ได้แก่ ผู้เชี่ยวชาญด้านข้อมูลสุขภาพ (Health Data Specialist)  นักวิเคราะห์วิจัยปฏิบัติการ (Operations Research Analyst) นักวิเคราะห์ธุรกิจการดูแลรักษาสุขภาพ (Healthcare Business Analyst)  ผู้ช่วยด้านการพัฒนาองค์กรและนวัตกรรม (Corporate Development & Innovation Associate) ที่ปรึกษาทางวิศวกรรมคลินิก (Clinical Engineering Consulting) การจัดการวิศวกรรมชีวการแพทย์(Biomedical Engineering Management) เป็นต้น

“นอกจากนี้ เนื่องจากในปัจจุบันเครื่องมือแพทย์ทั้งในส่วนของ Hard Ware และ Soft Ware ส่วนใหญ่จะนำเข้ามาจากต่างประเทศทางวิทยาลัยยังได้มองเห็นว่าการที่รับเอาเทคโนโลยีจากต่างประเทศมาโดยไม่มีการวิจัยและพัฒนาขึ้นมาใช้เองจะทำให้ไม่สามารถพึ่งพาตนเองทางด้านเทคโนโลยีอย่างยั่งยืนและก้าวทันกับต่างประเทศได้ รวมทั้งไม่สามารถหลุดพ้นสภาพที่เป็นกับดักรายได้ปานกลางของประเทศไทยได้ ทางวิทยาลัยฯ จึงได้มุ่งมั่นในการที่จะเป็นวิทยาลัยแห่งนวัตกรรมและผู้ประกอบการ ตามวิสัยทัศน์ของท่าน ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต ในเรื่องของการมุ่งเป็น Innovative และ Entrepreneurship University” คณบดีวิทยาลัยวิศวกรรมชีวการแพทย์กล่าวปิดท้าย

รองศาสตราจารย์ นันทชัย  ทองแป้น คณบดีวิทยาลัยวิศวกรรมชีวการแพทย์ มหาวิทยาลัยรังสิต
จากทิศทางของอุปสงค์ (Demand) ดังกล่าวประกอบกับทางวิทยาลัยวิศวกรรมชีวการแพทย์ มหาวิทยาลัยรังสิตได้มีทิศทางการพัฒนาคนเพื่อผลิตบัณฑิต มหาบัณฑิตและดุษฎีบัณฑิต ในทิศทางดังกล่าวอยู่แล้ว ทั้งนี้ เพื่อให้มีความชัดเจนมากขึ้นในปีการศึกษา2564 ทางวิทยาลัยฯจึงได้มีการเน้นการผลิตบัณฑิตเพื่อให้จบออกไปเป็นวิศวกรชีวการแพทย์ที่สามารถใช้องค์ความรู้และทักษะในการวิเคราะห์เพื่อหาคำตอบให้ตรงกับความต้องการขององค์กรที่เรียกว่า Healthcare Systems Biomedical Engineerโดยเน้นใน 3 แขนงย่อยดังนี้
1.เครื่องมือแพทย์แบบอัฉริยะและวิศวกรรมคลินิก (Smart Medical Devices & Clinical Engineering) รับนักศึกษาจำนวน 40 คน
2.Smart Inspire Biomaterials for Tissue Engineering รับนักศึกษาจำนวน 20 คน
3.Healthcare Systems Engineering รับนักศึกษาจำนวน 30 คน


ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มโอกาสการทำงานของบัณฑิตให้สอดคล้องกับความต้องการของทั้งนายจ้างในศตวรรษที่ 21 และการเป็นเจ้าของกิจการด้วยตนเอง โดยที่แนวทางการทำงานสำหรับแขนง Healthcare Systems Engineering นั้นมีหลากหลายเส้นทางได้แก่ผู้เชี่ยวชาญด้านข้อมูลสุขภาพ (Health Data Specialist) นักวิเคราะห์วิจัยปฏิบัติการ (Operations Research Analyst) นักวิเคราะห์ธุรกิจการดูแลรักษาสุขภาพ (Healthcare Business Analyst) ผู้ช่วยด้านการพัฒนาองค์กรและนวัตกรรม (Corporate Development & Innovation Associate) ที่ปรึกษาทางวิศวกรรมคลินิก (Clinical Engineering Consulting) การจัดการวิศวกรรมชีวการแพทย์ (Biomedical Engineering Management) เป็นต้น


“นอกจากนี้ เนื่องจากในปัจจุบันเครื่องมือแพทย์ทั้งในส่วนของ Hard Ware และSoft Ware ส่วนใหญ่จะนำเข้ามาจากต่างประเทศทางวิทยาลัยยังได้มองเห็นว่าการที่รับเอาเทคโนโลยีจากต่างประเทศมาโดยไม่มีการวิจัยและพัฒนาขึ้นมาใช้เองจะทำให้ไม่สามารถพึ่งพาตนเองทางด้านเทคโนโลยีอย่างยั่งยืนและก้าวทันกับต่างประเทศได้ รวมทั้งไม่สามารถหลุดพ้นสภาพที่เป็นกับดักรายได้ปานกลางของประเทศไทยได้ ทางวิทยาลัยฯ จึงได้มุ่งมั่นในการที่จะเป็นวิทยาลัยแห่งนวัตกรรมและผู้ประกอบการ ตามวิสัยทัศน์ของท่าน ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต ในเรื่องของการมุ่งเป็น Innovative และ Entrepreneurship University” คณบดีวิทยาลัยวิศวกรรมชีวการแพทย์กล่าวปิดท้าย






กำลังโหลดความคิดเห็น