อีกหนึ่งต้นตอของปัญหาหลักในสังคมไทย ที่ส่งผลต่อทั้งเศรษฐกิจ คุณภาพชีวิต รวมถึงสุขภาวะของคนในสังคม คงหนีไม่พ้นปัญหาปัจจัยเสี่ยงทั้งด้านบุหรี่ เหล้า ยาเสพติด และการพนัน ที่นับว่า เป็นปัญหาเรื้อรังที่สังคมควรให้ความสำคัญและไม่ควรมองข้าม ซึ่งนอกจากการรณรงค์ตามสื่อต่างๆ แล้ว การมี “ต้นแบบ” ที่ดีนั้น ก็อาจเป็นอีกหนึ่งทางออกของปัญญานี้ก็เป็นได้
นั่นจึงทำให้เป็นที่มาของงาน “เชิดชูเกียรติบุคคลต้นแบบและชุมชนต้นแบบลดปัจจัยเสี่ยง” ของ อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก ที่ร่วมกับมูลนิธิคนเห็นคน สมาคมสุขปัญญา รวมทั้งสำนักงานสาธารณสุข โดยการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เพื่อมอบโล่ประกาศเกียรติคุณให้กับชุมชนต้นแบบจำนวน 40 หมู่บ้าน จาก 4 ตำบล ได้แก่ ตำบลหนองแขม, ตำบลหอกลอง, ตำบลวังวน และตำบลศรีภิรมย์ พร้อมใบประกาศเกียรติคุณให้กับบุคคลต้นแบบลดปัจจัยเสี่ยงทั้งด้านคนต้นแบบเลิกบุหรี่ คนต้นแบบเลิกเหล้า รวมไปถึงคนต้นแบบเลิกการพนันกว่า 191 คน และเครือข่ายคนช่วยเลิกจำนวน 166 คน
โดย นางสาวทัศนีย์ ศิลปบุตร กรรมการบริหารแผนคณะที่ 1 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า การสนับสนุนการลดปัจจัยเสี่ยงทั้งบุหรี่ เหล้า ยาเสพติด และการพนัน ต้องอาศัยความร่วมมือจากชุมชนในการสร้างสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ซึ่งจากผลการดำเนินงานกว่า 2 ปีถือว่า โครงการประสบความสำเร็จในการลดปัจจัยเสี่ยงในชุมชน 40 หมู่บ้านเกิดความเปลี่ยนแปลงพร้อมกับตัวเลขที่ถือเป็นสัญญาณที่ดีขึ้น
“เดิมโครงการนี้มีที่มาจากปัญหาการพนัน ช่วงแรกพบว่า ประชากรในพื้นที่มีการเข้าไปข้องเกี่ยวกับการพนันเป็นจำนวนมาก โดยพบเงินหมุนเวียนกว่า 5-6 ล้านบาทต่อปี ก่อนจะมีการลงพื้นที่สำรวจ 4 ตำบลต้นแบบเพื่อดูสภาพปัญหาภายในพื้นที่ ปรากฎว่านอกจากปัญหาการพนัน ยังมีปัญหาเหล้า บุหรี่ และยาเสพติด ตามมาอีกด้วย ดังนั้น สสส. ในฐานะองค์กรที่ขับเคลื่อนเกี่ยวกับสุขภาวะมาอย่างต่อเนื่อง จึงได้เล็งเห็นความสำคัญของปัจจัยเสี่ยงที่สามารถนำไปสู่ปัญหาสุขภาวะของประชากรในอนาคตได้”
โดยจากผลการดำเนินงานของโครงการสนับสนุนและส่งเสริมมาตรการลดปัจจัยเสี่ยงระหว่างปี 2562-2563 พบว่า จากเปรียบเทียบช่วง 6 เดือนก่อนและหลังดำเนินโครงการทั้ง 4 ตำบล พบการเล่นพนันลดลงร้อยละ 49.11 หรือจากเดิมสูญเสียค่าใช้จ่ายจาก 5,763,960 บาท เหลือ 2,830,720 บาท การดื่มเหล้าลดลงร้อยละ 49.81 หรือจากเดิม 6,485,700 บาท เหลือ 3,255,140 บาท การสูบบุหรี่ลดลงร้อยละ 51.70 หรือจากเดิม 803,900 บาท เหลือ 415,160 บาท ขณะที่การออมเงินเปรียบเทียบช่วง 6 เดือนก่อนและหลังดำเนินโครงการพบว่า เพิ่มขึ้นร้อยละ 36.40 หรือมีเงินออมเพิ่มขึ้นจาก 3,389,400 บาท เป็น 4,623,300 บาท
“ในปีต่อไปเรามุ่งหวังเรื่องบุหรี่เป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นนักสูบหน้าใหม่ หรือแม้แต่บุหรี่ไฟฟ้าเข้ามาร่วมด้วย เพราะตอนนี้เด็กและเยาวชนสามารถเข้าถึงปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้ได้เยอะ และหลายทางมากขึ้น รวมถึงจะมีการผลักดันโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ทุกแห่งในพื้นที่ดำเนินโครงการ มีศูนย์บำบัดและฟื้นฟู ให้คำปรึกษาคนที่ต้องการเลิกบุหรี่ เหล้า และยาเสพติด รวมถึงเลิกเล่นการพนัน อย่างน้อยตำบลละ 1 ศูนย์ 1 รพ.สต.”
ทั้งนี้ ในส่วนของโครงการที่ดำเนินการมาถึงปีที่ 2 และกำลังก้าวเข้าสู่ปีที่ 3 นางสาวทัศนีย์ ศิลปบุตร กล่าวว่า ได้เปิดโอกาสให้ตำบลใกล้เคียงที่สนใจ ในการขยายพื้นที่กิจกรรมโครงการเพิ่มเติมมาร่วมด้วย โดยล่าสุด มี 3 ตำบล ที่สนใจเข้าร่วมโครงการ ได้แก่ ต.ท่าช้าง ต.วงฆ้อง และ ต.ดงประคำ ซึ่งคาดหวังว่า อ.พรหมพิราม จะกลายเป็นอำเภอแห่งสุขภาวะต่อไปในอนาคต
ด้าน นายอรัญ ภู่จันทร์ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 1 ต.ศรีภิรมย์ อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก “คนต้นแบบเลิกบุหรี่” กล่าวว่า ตัดสินใจเข้าร่วมโครงการเนื่องจากมีปัญหาสุขภาพทั้งอาการไอ และแน่นหน้าอก ก่อนจะได้ศึกษาไปถึงโทษของบุหรี่ก็ทำให้ตัดสินใจหยุดสูบทันที ซึ่งผลจากการหยุดสูบบุหรี่ก็ทำให้สุขภาพดีขึ้น ทั้งช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน เพราะโดยปกติค่าบุหรี่จะเฉลี่ยอยู่ที่ 1,500 บาทต่อเดือน โดยอีกหนึ่งเคล็ดลับในการเลิกบุหรี่ นอกจากความมุ่งมั่น กำลังใจของคนรอบข้างก็ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เลิกมาจนถึงปัจจุบัน
“ดีใจที่หน่วยงานต่างๆ เห็นความสำคัญในเรื่องการลด ละ เลิก สิ่งเสพติดภายในหมู่บ้าน ผมในฐานะบุคคลต้นแบบ ก็จะขอเป็นตัวอย่างให้คนในชุมชน รวมทั้งขยายผลต่อไปเรื่อยๆ”
ด้าน นางอะณุโรม โพธิ์ดง ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 6 ต.ศรีภิรมณ์ อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก “คนต้นแบบเลิกพนัน” กล่าวว่า ได้เข้าร่วมโครงการนี้เพราะอยากเป็นต้นแบบให้กับลูกบ้านในฐานะผู้นำ บวกกับลูกสาวเรียนจบ จึงไม่ได้มีความจำเป็นในการใช้เงินเท่าเดิม ดังนั้นจึงตัดสินใจเลิกขายและเลิกเล่นหวยตลอดชีวิต จากที่เคยมีรายได้ต่องวดครั้งละ 15,000-20,000 บาท รายรับของบ้านลดลง แต่กลับสบายใจมากขึ้น พร้อมทั้งตัดสินใจหันมาทำอาชีพเสริม ด้วยการเลี้ยงจิ้งหรีดทดแทน
“ตอนเป็นเจ้ามือหวยชีวิตดีมาก เราถึงขั้นบอกกับลูกว่า อยากจะได้อะไรเดี๋ยวก็ได้ ใช้เงินเยอะ เหมือนหามาได้ง่าย ก็ใช้ออกไปได้ง่าย แต่พอเลิกและทำงานด้วยตนเองรู้สึกว่า เงินหายากและมีคุณค่าจริงๆ ซึ่งนอกจากจะมีเงินเก็บมาใช้ในการทำอย่างอื่น ยังรู้สึกดีขึ้นด้วย เพราะไม่ได้สร้างบาปให้กับใครแล้ว”