รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ขอบคุณ อสม.ทำงานหนัก ลงพื้นที่เข้าถึงประชาชนในช่วงสถานการณ์โรคโควิด-19 เป็นพลังสำคัญของระบบสาธารณสุขไทย ช่วยให้ผ่านพ้นวิกฤต จนเป็นที่ยอมรับจากนานาประเทศทั่วโลก ย้ำแม้ตอนนี้ไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศ ขอให้การ์ดอย่าตก เฝ้าระวัง และให้ความรู้คนในพื้นที่ต่อไป
วันนี้ (22 ส.ค.) ที่หน่วยไตเทียม ศูนย์บริการสาธารณสุขเทศบาลเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้กล่าวกับ อสม. ก่อนเปิดหน่วยไตเทียม ศูนย์บริการสาธารณสุขเทศบาลเมืองชัยภูมิ ว่า ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี และตน ขอขอบคุณ อสม.ทั่วประเทศกว่า 1,040,000 คน ด้วยใจจริง ที่ทำงานอย่างหนักตลอดช่วงเวลาที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั้งการลงพื้นที่เคาะประตูบ้าน เฝ้าระวังประชาชนกลุ่มเสี่ยง คัดกรอง และให้ความรู้แก่คนในชุมชน ช่วยให้คนไทยปลอดภัยจากโรคโควิด-19 ประเทศพ้นวิกฤตมาจนเป็นที่ชื่นชม และได้รับการยอมรับจากนานาประเทศทั่วโลก ซึ่งการทำงาน อสม. สมกับเป็นหมอคนแรกของครอบครัว ดูแลสุขภาพคนในชุมชนเชิงรุกเคาะประตูบ้าน ที่ไม่มีประเทศใดในโลกทำได้ ผลจากการทำงานอย่างเสียสละ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี จึงได้อนุมัติค่าเสี่ยงภัยให้แก่ อสม. รายละ 500 บาท เป็นเวลา 7 เดือน เพราะเข้าใจการทำงานของ อสม. หากสถานการณ์โรคโควิด-19 ยังมีอยู่ ก็จะไม่ทอดทิ้งและดูแลเรื่องค่าเสี่ยงภัยต่อไป
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า แม้ว่าขณะนี้สถานการณ์ของโรคโควิด-19 ของประเทศจะดีขึ้นแล้ว แต่ขอให้ อสม. ช่วยกระตุ้นเตือนให้ความรู้ สร้างความเข้าใจกับคนในชุมชนว่าอย่าประมาท การ์ดอย่าตก การป้องกันตัวเองยังสำคัญ ออกนอกบ้านเท่าที่จำเป็น หน้ากากอนามัย/ หน้ากากผ้าอย่าให้ขาด ใส่ตลอดเวลาที่ออกนอกบ้าน ล้างมือบ่อยๆ เพื่อให้คนไทยปลอดภัย ปลอดโรค
“ประเทศไทยยังมีโอกาสกลับมาพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ได้อีก ขอให้อย่าตระหนก เรามีระบบการควบคุมโรค และระบบการดูแลรักษาที่ดี หากป่วยก็รักษาให้หายได้” นายอนุทินกล่าว