ผู้ว่าฯ อัศวิน เผย กรุงเทพมหานครเดินหน้าบริการเจาะเลือดผู้ป่วยถึงบ้าน นำร่องในกลุ่มผู้ป่วยติดเตียง และจะขยายผลไปยังผู้ป่วยกลุ่มอื่นให้ครอบคลุมทุกโรงพยาบาลในสังกัด กทม. เพื่อเพิ่มความสะดวกและลดการแออัดภายในโรงพยาบาล
วันนี้ (19 ส.ค.) พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า กรุงเทพมหานครเดินหน้าโครงการพัฒนาระบบบริการเจาะเลือดผู้ป่วยถึงบ้าน นำร่องในกลุ่มผู้ป่วยติดเตียง และจะขยายผลไปยังผู้ป่วยกลุ่มอื่นให้ครอบคลุมทุกโรงพยาบาลในสังกัด กทม. ต่อไป
ทั้งนี้ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีประชากรตามทะเบียนราษฎรประมาณ 6 ล้านคน แต่มีประชากรที่ขึ้นทะเบียนตามสิทธิหลักประกันสุขภาพและสิทธิต่างๆ รวมแล้วประมาณ 8 ล้านคน จากการสำรวจผู้ป่วยที่อยู่ในความดูแลของสำนักการแพทย์และสำนักอนามัย ซึ่งเป็นผู้ป่วยติดเตียงมีอยู่ประมาณ 6,000 คน และเป็นผู้ป่วยโรคเกี่ยวกับเมตาบอลิก เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง อยู่จำนวนหนึ่ง อย่างไรก็ดี กลุ่มผู้ป่วยติดเตียงมักไม่สะดวกในการเดินทางมาโรงพยาบาล ญาติหรือผู้ดูแลต้องจ้างเหมารถรับส่งครั้งละไม่ต่ำกว่า 2,000 บาท และผู้ป่วยมีโอกาสขาดนัดในกรณีที่ญาติไม่สะดวกพามาโรงพยาบาล รวมถึงการสูญเสียรายได้จากการลาหยุดทำงานของญาติเนื่องจากต้องพาผู้ป่วยมาโรงพยาบาล ทำให้ประสบปัญหาภาวะทางสุขภาพและยังมีผลต่อภาพรวมในภาวะทางเศรษฐกิจ
ประกอบกับ โรงพยาบาลในสังกัดสำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร มีผู้ป่วยมาใช้บริการในกลุ่มผู้ป่วยนอกประมาณ 4,000,000 ครั้งต่อปี ซึ่งเป็นจำนวนที่สูง ส่งผลให้เกิดความแออัดในพื้นที่บริการห้องตรวจผู้ป่วยนอก เนื่องจากมีการรอคอยในหน่วยบริการต่างๆ กรุงเทพมหานครจึงได้จัดโครงการต่างๆ เพื่อลดความแออัด เช่น โครงการการแพทย์ทางไกล หรือโทรเวชกรรม (Telemedicine) โครงการรับยาใกล้บ้าน แต่ยังพบความแออัดจากการรอคอยผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการประมาณ 1-3 ชั่วโมง ก่อนพบแพทย์ โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเรื้อรังในกลุ่มติดเตียง ที่มีความจำเป็นต้องใช้เปลนอนในการเคลื่อนย้าย การพักรอคอย ทำมีการใช้พื้นที่ในการรอตรวจมาก จากปัญหาดังกล่าว กรุงเทพมหานครจึงมีนโยบายที่จะลดความแออัด และลดระยะเวลารอคอย โดยผู้ป่วยยังได้รับการดูแลด้านสุขภาพตามมาตรฐาน ให้บริการโครงการการเจาะเลือดที่บ้าน (Mobile Lab) เพื่อให้ผู้ป่วยติดเตียงได้รับการเข้าถึงและเท่าเทียม ลดระยะเวลารอคอยของผู้ป่วยและญาติและลดความแออัดของโรงพยาบาล โดยเริ่มนำร่องที่โรงพยาบาลราชพิพัฒน์ จากนั้นจะประเมินผลการให้บริการทั้งขั้นตอนการเจาะเลือด การจัดเก็บ การขนส่ง เพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชนในการใช้บริการ ก่อนขยายผลในการจัดทำโครงการไปใช้กับโรงพยาบาลในสังกัดสำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานครทุกแห่งต่อไป
สำหรับแผนการดำเนินการจะให้บริการนำร่องในกลุ่มผู้ป่วยติดเตียง ที่มีโรคเกี่ยวกับเมตาบอลิกในกลุ่มโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง ของโรงพยาบาลราชพิพัฒน์ สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.- 30 ก.ย. 63 จากนั้นจะขยายผลให้บริการเจาะเลือดที่บ้านของกลุ่มผู้ป่วยติดเตียงที่มีโรคเกี่ยวกับเมตาบอลิกในกลุ่มโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง ในโรงพยาบาลในสังกัด กรุงเทพมหานคร ทั้ง 8 แห่ง ประกอบด้วย โรงพยาบาลกลาง โรงพยาบาลตากสิน โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ โรงพยาบาลหลวงพ่อทวีศักดิ์ ชุตินฺธโร อุทิศ โรงพยาบาลเวชการุณย์รัศมิ์ โรงพยาบาลลาดกระบังกรุงเทพมหานคร โรงพยาบาลราชพิพัฒน์ และโรงพยาบาลสิรินธร ในปี 64 เชิญชวนผู้ป่วยเข้าเกณฑ์รับบริการเจาะเลือดที่บ้าน
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยเพิ่มเติมว่า กรุงเทพมหานครได้กำหนดแนวทางและรูปแบบขั้นตอนการให้บริการเจาะเลือดผู้ป่วยถึงบ้าน เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปด้วยความรวดเร็วและเหมาะสม ดังนี้ 1. แพทย์เป็นผู้พิจารณาความเหมาะสมผู้ป่วยที่เข้าโครงการเจาะเลือดที่บ้าน 2. โรงพยาบาลประสานผู้ป่วย และ/หรือญาติ/ ผู้ดูแลผู้ป่วย เชิญชวนเข้ารับบริการโครงการเจาะเลือดที่บ้าน 3. ในกรณีที่ผู้ป่วยมีความยินดีเข้าโครงการฯ ญาติผู้ป่วยสามารถติดต่อรับแบบแสดงความยินยอมเข้ารับบริการโครงการฯ พร้อมลงนาม ณ โรงพยาบาล 4. ผู้ป่วยที่เข้าร่วมโครงการเจาะเลือดที่บ้าน สามารถเข้ารับการรักษาพยาบาลด้วยระบบโทรเวชกรรม (Telemedicine) ตามความสมัครใจ ในกรณีที่มีความประสงค์เข้าร่วมทั้ง 2 โครงการ ผู้ป่วยและญาติจะต้องลงนามตามแบบแสดงความยินยอมเข้าร่วมโครงการ 5. ดำเนินการเก็บตัวอย่าง โดยนักเทคนิคการแพทย์ที่ได้รับความยินยอมหรือเห็นชอบจากสำนักการแพทย์ นัดหมายรับข้อมูลผู้ป่วย แผนที่บ้านผู้ป่วย พร้อมอุปกรณ์เก็บสิ่งส่งตรวจ โดยโรงพยาบาล (lab) เป็นผู้จัดหาอุปกรณ์เก็บสิ่งส่งตรวจ (tube + label) 6. ผู้ได้รับมอบหมาย เป็นผู้โทร.ประสานนัดหมายกับผู้รับบริการเจาะเลือดที่บ้าน 7. ดำเนินการเจาะเลือดที่บ้าน พร้อมวัดความดันโลหิต ระหว่างเวลา 06.00-09.00 น. และนำส่งไปยังห้องปฏิบัติการของโรงพยาบาลภายในเวลา 10.00 น. วันเดียวกัน เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลต่อไป ทั้งนี้ ผู้ที่ทำการเจาะเลือด เพื่อเก็บตัวอย่างจากผู้ป่วย จะเป็นผู้ที่ประกอบวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ และทำการวิเคราะห์ผลโดยโรงพยาบาล