ศบค. เผย ไทยพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 5 ราย เป็นชายอเมริกันเดินทางมาจากสหรัฐอเมริกา 1 ราย ที่เหลือเป็นคนไทยกลับจากอินเดีย 1 และอียิปต์ 3 ราย เข้าพักสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ มีผู้ป่วยรักษาหายแล้วเพิ่ม 6 ราย
วันนี้ (12 ส.ค.) ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) เปิดเผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ ว่า ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 5 ราย เดินกลับจากต่างประเทศ เข้าพักสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ Alternative State Quarantine และ State Quarantine สหรัฐอเมริกา 1 ราย อินเดีย 1 ราย และอียิปต์ 3 ราย ผู้ป่วยรักษาหายอีก 6 ราย
สำหรับผู้ป่วยยืนยันสะสมล่าสุดอยู่ที่ 3,356 ราย เป็นผู้ป่วยในประเทศ 2,444 ราย และตรวจพบในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ จำนวน 419 ราย จำนวนผู้ป่วยรักษาหายแล้วรวม 3,169 ราย และมีผู้ป่วยรักษาหายเพิ่มอีก 6 ราย ส่วนผู้ป่วยที่กำลังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 129 ราย ขณะที่ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม โดยยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 58 ราย
ผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้ เป็นคนไทยเดินทางมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา 1 ราย เป็นชายสัญชาติอเมริกัน อายุ 50 ปี เดินทางมาถึงไทยวันที่ 28 ก.ค. เข้าพัก Alternative State Quarantine (ASQ) แห่งหนึ่งใน กทม. และตรวจหาเชื้อครั้งที่ 2 ในวันที่ 10 ส.ค. ผลตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการ
รายที่ 2 เดินทางมาจากประเทศอินเดีย เป็นนักศึกษาชายไทย อายุ 18 ปี เดินทางมาถึงไทยเมื่อวันที่ 30 ก.ค. (เที่ยวบินเดียวกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้า 1 ราย) เข้าพัก State Quarantine ที่กทม. และตรวจหาเชื้อครั้งที่ 2 ในวันที่ 10 ส.ค. ผลตรวจพบเชื้อ โดยเริ่มมีอาการเมื่อวันที่ 3 ส.ค. ด้วยอาการไข้ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะ มีน้ำมูกและเสมหะ
ส่วนอีก 3 ราย เดินทางมาจากประเทศอียิปต์ ทั้งหมดเป็นนักศึกษาชายไทย อายุ 23, 24 และ 29 ปี เดินทางมาถึงไทยเมื่อวันที่ 30 ก.ค. (เที่ยวบินเดียวกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้า 6 ราย) เข้าพัก State Quarantine ที่จ.ชลบุรี และตรวจหาเชื้อครั้งที่ 2 ในวันที่ 10 ส.ค. ผลตรวจพบเชื้อ ทั้งหมดไม่มีอาการ
นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค ให้สัมภาษณ์ว่า แม้ว่าประเทศไทยจะไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่รับเชื้อในประเทศมาระยะหนึ่งแล้ว แต่มีข่าวรายงานการระบาดครั้งใหม่ ในหลายประเทศที่เคยควบคุมโรคได้ดีมาก่อน เช่น ประเทศเวียดนาม นิวซีแลนด์ ดังนั้น ทุกภาคส่วนยังต้องเข้มงวดในมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรค อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศทุกคนต้องปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข ได้รับการกักตัวและตรวจหาเชื้อ โดยเก็บตัวอย่างจากโพรงจมูก และตรวจด้วยวิธี RT-PCR ซึ่งเป็นวิธีมาตรฐานในการตรวจหาเชื้อก่อโรคโควิด 19 เพื่อป้องกันและสกัดกั้นการนำเชื้อจากต่างประเทศเข้ามาแพร่ให้กับผู้คนในประเทศ
สถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงคือขณะนี้เริ่มพบหลายสถานที่และกิจกาจหย่อนมาตรการป้องกันโรค เช่น ปล่อยให้ผู้ใช้บริการเบียดเสียดใกล้ชิด และไม่สวมหน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้า นับเป็นความเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดการแพร่เชื้อได้ นอกจากนี้ ประชาชนบางส่วนไม่ได้ลงทะเบียนเข้าออกสถานที่ผ่านแพลตฟอร์ม/แอปพลิเคชันไทยชนะ ซึ่งหากมีผู้ติดเชื้ออยู่ในสถานที่เข้าใช้บริการก็จะยากต่อการนำผู้สัมผัสเข้าสู่ระบบการเฝ้าระวังอาการ
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นไรหากประชาชนยังคงเข้มมาตรการส่วนบุคคล ทั้งการสวมหน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้า ล้างมือบ่อยๆ พยายามเว้นระยะห่างระหว่างผู้อื่น หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่แออัด อากาศไม่ถ่ายเท จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ สำหรับองค์กร สามารถช่วยลดความเสี่ยงได้หลายวิธี เช่น การให้พนักงานทำงานที่บ้าน เหลื่อมเวลาทำงาน คัดกรองไข้และอาการป่วยก่อนเข้าพื้นที่ รวมถึงให้พนักงานที่มีอาการโรคระบบทางเดินหายใจ ไข้หวัด หยุดงานอยู่บ้าน เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ และรีบไปรับการรักษา
หากทุกภาคส่วนร่วมมือกันโดยเริ่มจากจุดเล็กๆ คือคน และขยายสู่ครอบครัว ชุมชน สังคม จะช่วยให้ประเทศไทยปลอดภัย สามารถป้องกัน และจำกัดการระบาดของโรคโควิด 19 ได้ หากพบผู้ติดเชื้อในประเทศอีกครั้ง