สปสช.จ่อสอบคลินิกชุมชนอบอุ่นย้อนหลังถึงปี 59 พ่วงปมข้อสงสัยอาจเกี่ยวโยงอดีตผู้บริหาร และบริษัทรับจ้างตรวจสุขภาพทำข้อมูลเท็จด้วย เผยยกเลิกสัญญาหน่วยบริการ 18 คลินิกแล้ว ผู้ป่วยยังรับยาได้ระหว่างหาหน่วยบริการใหม่ ส่วน 63 คลนินิกกำลังตรวจสอบมีเจตนาเหมือนเคส 18 แห่งหรือไม่
วันนี้ (9 ก.ค.) นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) แถลงข่าวการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณี 18 คลินิกชุมชนอบอุ่นทุจริตเบิกงบคัดกรองโรคกองทุนบัตรทอง ว่า การตรวจสอบพบ 18 คลินิกชุมชนอบอุ่นเบิกงบบัตรทองเกิน มาจากการตรวจสอบของ สปสช. เนื่องจากมีระบบตรวจสอบ และตรวจสอบพบตั้งแต่วันที่ 14-15 ส.ค. 2562 ซึ่งตรงกับช่วงปีงบประมาณ 2562 ระหว่างวันที่ 1 ต.ค. 2561-30 ก.ย. 2562 ซึ่งก็เป็นไปตามกระบวนการจนพบว่า เกิดความผิดปกติ อย่างไรก็ตาม ไม่เพียงแต่ 18 แห่งเท่านั้น สปสช.ยังขยายผลเพิ่มตรวจพบอีก 63 แห่งที่เข้าข่ายผิดปกติ แต่อยู่ระหว่างตรวจสอบว่า จะมีการดำเนินการผิดเหมือน 18 แห่งหรือไม่ ขณะเดียวกันจะมีการตรวจย้อนหลังไปจนถึงช่วงปี 2559 เพื่อให้เกิดความมั่นใจยิ่งขึ้น
“คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณี 18 คลินิกชุมชนอบอุ่น ซึ่งมีคำถามว่า มีความเป็นอิสระหรือไม่ ต้องบอกว่าที่มาของกรรมการ สปสช. ก็มาจากกระบวนการที่มีกฎหมายรองรับ มีการเลือกตั้งในแต่ละกลุ่ม มีทั้งหมด 8 ท่าน ทั้งผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ถูกเลือกตั้งโดยไม่ใช่สรรหา จึงมีความเป็นอิสระ และท่านอื่นๆ ทั้งประธานอนุกรรมการตรวจสอบฯ นายกสภาวิชาชีพ นายกสมาคม รพ.เอกชน เพื่อให้เกิดความโปร่งใสต้องมาจากทุกฝ่าย ผู้แทนปลัดกระทรวงสาธารณสุข ผู้แทนภาคประชาชน ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จึงมีความเป็นอิสระทั้งหมด ส่วนในเรื่องความผิดของ 18 แห่งนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการของทางกองปราบฯ แล้ว” นพ.ศักดิ์ชัย กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีอดีตผู้บริหาร สธ.โพสต์ข้อความว่า ให้ตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียดเนื่องจากอาจเชื่อมโยงกับอดีตผู้บริหาร สปสช. และอาจมีบริษัทรับจ้างตรวจสุขภาพทำข้อมูลเท็จ นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวว่า ไม่ต้องกังวล ขณะนี้มีการตรวจสอบทั้งหมด และเจ้าหน้าที่กองปราบปรามฯ กำลังดำเนินการเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม เราได้ยกเลิกสัญญาคลินิก 18 แห่งจากการเป็นหน่วยบริการ แต่ยังคงเปิดบริการได้จนกว่าจะรอทางกฎหมาย ซึ่งระหว่างนี้ผู้ใช้บริการยังคงใช้ได้เหมือนเดิม เพื่อลดผลกระทบ จนกว่าเราจะหาหน่วยบริการใหม่และจะแจ้งให้ทราบต่อไป
นพ.วีระพันธ์ ลีธนะกุล ผอ.สปสช.เขต 13 กทม. กล่าวว่า ขณะนี้ได้ยกเลิกสัญญาการเป็นหน่วยบริการของ 18 คลินิกแล้ว ซึ่งจะมีประชาชนที่รับบริการใน 18 แห่ง จำนวน 215,271 คน โดยเป็นผู้ป่วยเรื้อรังประมาณ 1 หมื่นกว่าคน ซึ่งยังรับยาต่อเนื่องได้ที่คลินิกดังกล่าวก่อน และทางคลินิกก็ยังทำเรื่องเบิกกับทาง สปสช.ได้ เพียงแต่ระหว่างนี้ทางสปสช.กำลังเจรจากับทางหน่วยบริการอื่นๆ เพื่อรองรับประชาชนในการย้ายหน่วยบริการ ซึ่งอาจดำเนินการเสร็จจะแจ้งทาง SMS หรือทางประชาชนหากสนใจว่าเป็นพื้นที่ของตนหรือไม่ให้โทร.สอบถามได้ทางสายด่วน 1330 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือตรวจสอบสิทธิผ่านแอปพลิเคชันของสปสช. ชื่อ “สปสช. สร้างสุข” โดยสามารถตรวจสอบสิทธิกรณีได้ภายใน 1-2 วัน
นพ.การุณย์ คุณติรานนท์ รองเลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า สำหรับคลินิก 63 แห่ง ที่พบการเบิกจ่ายเงินผิดปกติจำนวน 2.4 ล้านบาทนั้น ขณะนี้กำลังตรวจสอบรายละเอียดว่า มีเจตนาเหมือนเคส 18 คลินิกหรือไม่ ซึ่งก็ต้องขอตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน อย่างไรก็ตาม แม้ที่ผ่านมา สปสช. จะมีระบบคัดกรองก่อนการจ่ายเงินให้หน่วยบริการหลายขั้นตอน แต่เมื่อผู้มีเจตนาต้องการทำข้อมูลปลอม ข้อมูลที่เป็นเท็จ ก็ทำให้เกิดปัญหาดังกล่าวขึ้น สิ่งสำคัญขณะนี้ได้วางรูปแบบป้องกันในอนาคตด้วยการจัดระบบพิสูจน์ตัวตนของผู้รับบริการ หรือที่เรียกว่า Smart card reader โดยก่อนรับบริการให้เสียบบัตรประชาชนเข้าระบบออนไลน์ เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่ามีการใช้บริการจริง เบื้องต้นได้ลงนามร่วมมือกับทางธนาคารกรุงไทย และ รพ.ศิริราช ก่อนจะขยายต่อไป อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันคลินิกชุมชนอบอุ่นมีประมาณ 200 กว่าแห่ง แบ่งเป็นพื้นที่ กทม. 190 แห่ง และพื้นที่ปริมณฑลอีก 30-40 แห่ง