xs
xsm
sm
md
lg

พัฒนาแอปฯ HERO ใช้ประเมินสุขภาพจิตเด็กหลังเปิดเทอม ชูรวดเร็ว-ง่าย ช่วยเด็กปรับตัวได้ดี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กรมสุขภาพจิต ร่วม สพฐ. ใช้แอปพลิเคชัน “HERO” ประเมินคัดกรองสุขภาพจิตเด็กหลังเปิดเทอม 1 ก.ค.นี้ เผยคัดกรองเบื้องต้นผ่าน 9S เน้นเฝ้าระวังพฤติกรรม อารมณ์ ทักษะสังคม ทั้งการปรับตัว เรื่องเพื่อน ความเศร้าต่างๆ เผยทดลองใช้ 13 พื้นที่นำร่องได้ผลดี ช่วยเด็กปรับตัวดีขึ้นกว่า 70% ไม่ต้องส่งพบแพทย์ต่อ

วันนี้ (29 มิ.ย.) นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงเปิดตัวแอปพลิเคชัน HERO เพื่อรองรับวิถีชีวิตใหม่ ดูแลสุขภาพจิตของนักเรียนภายใต้สถานการณ์โรคโควิด-19 พร้อมลงนามความร่วมมือการใช้แอปพลิเคชัน HERO ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)

นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า โรงเรียนเป็นอีกหน่วยงานหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 โดยจะเปิดเรียนวันที่ 1 ก.ค.นี้ ทั้งนี้ จากการสำรวจข้อมูลช่วงก่อนโควิด-19 พบว่า นักเรียน 20% มีปัญหาเรื่องพฤติกรรม อารมณ์ หรือทักษะสังคม แต่ไม่ใช่การเจ็บป่วย ถ้าช่วยเหลือดูแลจะเข้าสู่ภาวะปกติได้ เรียนหนังสือได้ดี มีเพื่อน ส่วนใหญ่เป็นเรื่องปัญหาการปรับตัว ความรัก อย่างไรก็ตาม ช่วงหลังโควิด เด็กต้องปรับตัวใหม่หลังหยุดไปนาน ทั้งการเจอครูใหม่ เพื่อนใหม่ ปรับตัวเข้าสู่วิถีใหม่ในมาตรการป้องกันเชื้อของโรงเรียน เพื่อลดปัญหาเรื่องการปรับตัว กรมฯ ร่วมกับ สพฐ.ในการทำโปรแกรมบูรณาการความร่วมมือระหว่างระบบการศึกษาและระบบสุขภาพเพื่อดูแลสุขภาพจิตของนักเรียนกว่า 6 ล้านคน บนระบบดิจิทัล (Health and Educational Re-integrating Operation : HERO) ซึ่งแอปพลิเคชันนี้จะมีแบบสังเกตอาการ เพื่อให้ครูเฝ้าระวังปัญหาพฤติกรรม อารมณ์ สังคม


นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า เดิมแบบประเมินสังเกตอาการที่ใช้เรียกว่า SDQ25 ทำให้มีความยุ่งยาก เพราะต้องตอบคำถามจำนวนมาก 25 ข้อ จึงพัฒนาแบบสังเกตอาการตัวใหม่ลงในแอปพลิเคชัน HERO เรียกว่า 9S ซึ่งจะประเมินเพียง 9 ข้อเท่านั้น ทำให้ทำประเมินได้ง่าย ใช้เวลาสั้น ค้นหาและช่วยเหลือได้เร็วขึ้น โดย 9 ข้อ คือ 1. ซนเกินไป 2. ใจลอย 3. รอคอยไม่เป็น 4. เศร้า/เครียด หงุดหงิดง่าย 5. ท้อแท้ เบื่อหน่าย 6. ไม่อยากไปโรงเรียน 7. ถูกเพื่อนแกล้ง 8. แกล้งเพื่อน และ 9. ไม่มีเพื่อน จากการดำเนินการทดลองนำร่องใน 13 พื้นที่ คัดกรองเด็ก ม.1 จำนวน 5,311 คน โดยใช้ 2 เครื่องมือเทียบกัน คือ 9S และ SDQ ซึ่งตัว 9S เฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยงได้มากกว่า คือ 24.72% ส่วน SDQ ได้ 11.45% เท่านั้น ถือว่ามีประสิทธิภาพมากกว่า ข้อน้อยกว่า

นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังเน้นเรื่องของครูในการเรียนรู้เทคนิคการส่งเสริม พัฒนา ป้องกัน แก้ไข เรื่องสุขภาพจิตเด็ก ดูแลประเมินผล และปรึกษาและส่งต่อได้ ซึ่งหลังคัดกรองครูก็จะต้องให้คำปรึกษา และปรับพฤติกรรมเบื้องต้น โดยครูบางท่านมีทักษะอยู่แล้ว บางท่านหากอยากเรียนรู้เพิ่มเติมในตัวระบบ HERO ก็จะมีอีเลิร์นนิงให้ไปเรียนรู้ นำไปใช้ให้คำปรึกษาหารือและปรับพฤติกรรมเด็กได้ ทั้งนี้ จากการทำในพื้นที่นำร่อง พบว่า เด็กดีขึ้นเป็นปกติรวม 70% ส่งต่อแพทย์เพียง 30% ถือว่าเป็นผลดีต่อตัวเด็ก โดยการส่งต่อแพทย์ จะมีการเชื่อมโยงครูและหมอในระบบดิจิทัล เราเตรียมบุคลากรสุขภาพจิต ทั้งนักจิตวิทยา นักจิตวิทยาโรงเรียน พยาบาลสุขภาพจิต จิตแพทย์ จิตแพทย์เด็กทุกอำเภอ นับว่าเป็นระบบที่มีประสิทธิภาพเด็กได้รับการช่วยเหลือโดยไม่ต้องไป รพ. ไม่เป็นภาระค่าใช้จ่าย ไม่กระทบเวลาเรียน


นายสนิท แย้มเกษร รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า สพฐ.มีโรงเรียนในสังกัดมากกว่า 2.9 หมื่นโรง มีครูประมาณ 4 แสนคน นักเรียนอีก 6.7 ล้านคน การเลื่อนเปิดเทอมจากวันที่ 18 พ.ค. เป็นวันที่ 1 ก.ค. จากสถานการณ์โรคโควิด-19 ทำให้เด็กไม่ได้มาโรงเรียนตั้งแต่แรก ความกังวลก็เกิดขึ้นกับเด็ก และระยะหลังพ่อแม่ต้องไปทำงาน เด็กอาจอยู่ลำพังกับพี่กับน้อง ทำให้ไม่มีใครให้คำปรึกษา ขณะที่อีก 2 วันก็จะเปิดเรียนแล้ว สิ่งที่เป็นห่วง คือ ในพื้นที่จริงๆ เด็กขาดผู้ที่จะดูแล สพฐ.จึงมีโครงการสร้างนักจิตวิทยาในเขตพื้นที่การศึกษา 225 เขตพื้นที่ โดยกำลังพัฒนาให้มีนักจิตวิทยาประจำเขตพื้นที่ และประจำโรงเรียนอีกชั้นหนึ่ง แต่การจะไปถึงขั้นดูแลเท่าสาธารณสุขคงเป็นไปไม่ได้ จึงขอบคุณกรมสุขภาพจิตที่ทำแอปพลิเคชัน HERO มาช่วยให้ประเมินคัดกรองเด็ก ดูแลเด็กได้

“เดิมเราใช้ SDQ คัดกรอง แต่ถ้าใช้ HERO คัดกรอง ก็ละเอียดมากขึ้น เห็นผลมากขึ้น ทำให้เกิดการเรียนการสอนที่จำแนกเด็กได้ว่า คนใดควรได้รับการดูแลเป็นพิเศษ ซึ่งเรามีระบบฐานข้อมูลเด็กเชื่อมกระทรวงมหาดไทยด้วยเลข 13 หลัก ข้อมูลของ HERO สามารถเชื่อมโยงนักเรียนได้ทุกคน ทำให้ดีใจแทนเด็กๆ ที่จะได้รับการดูแลอย่างดี ทั้งนี้ ย้ำว่า การเปิดเรียนวันที่ 1 ก.ค. มาตรการทุกอย่างพร้อม จะดูแลเด็กรายบุคคล มีการเยี่ยมบ้านนักเรียนที่ต้องสลับมาเรียน โดยอยู่บ้านเรียนผ่านออนแอร์ และออนไลน์ เพื่อให้ทุกคนได้รับการดูแลทั่วถึง” นายสนิท กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น