xs
xsm
sm
md
lg

สสส.ห่วงเด็กเล็กติดจอใส ขาดกิจกรรมเล่นสนุก หนุนโครงการ COACT จัดโปรแกรม Learning@Home

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สสส. ห่วงเด็กเล็กติดจอใส ขาดกิจกรรมเล่นสนุก หนุนโครงการ COACT จัดโปรแกรม Learning@Home ตัวช่วย “ครอบครัว” ดูแลลูก พัฒนาการไม่สะดุด เปลี่ยนบ้านเป็นโรงเรียนแสนสุข เน้นเรียนรู้ไร้รอยต่อ ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กทั่วประเทศ


เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. นางสาวณัฐยา บุญภักดี ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า ในช่วงสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 มีการปิดศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก (ศพด.) ทั่วประเทศ ซึ่งจากการสำรวจเด็กปฐมวัย ชั้นเตรียมอนุบาล และอนุบาลในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก จำนวน 6 แห่ง จำนวน 417 คน พบว่า การปิด ศพด.ส่งผลต่อเด็กๆ 4 ประการสำคัญ คือ 1. ถูกจำกัดพื้นที่ 2. ครอบครัวขาดกิจกรรมสร้างสรรค์ให้เด็ก 3. เด็กใช้เวลาอยู่กับจอใสมากขึ้น 4. เด็กขาดกิจกรรมเล่นสนุกกับเพื่อน สสส. จึงสนับสนุนแนวทางการเรียนรู้อยู่ที่บ้าน (Learning@Home) ผ่านโครงการสร้างเสริมศักยภาพภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อสุขภาวะเด็กปฐมวัย (โครงการ COACT) เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ให้เด็กในช่วงวิกฤตนี้ซึ่งเด็กอยู่บ้าน โดยเปลี่ยนบ้านเป็นพื้นที่เรียนรู้สำหรับเด็ก ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการที่ได้เน้นย้ำว่าโรงเรียนหยุดได้แต่การเรียนรู้หยุดไม่ได้

รศ.ดร.จุฑามาศ โชติบาง คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ตัวแทนทีมวิชาการโครงการ COACT กล่าวว่า ได้พัฒนารูปแบบความร่วมมือของครูและผู้ปกครองในการเสริมสร้างการเรียนรู้ที่บ้าน Learning@Home เป็นโปรแกรมตัวช่วยให้ครอบครัวสามารถส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็กๆ ให้พัฒนาอย่างต่อเนื่องแม้ศูนย์เด็กเล็กจะปิดยาว โดยครูผู้ดูแลเด็กร่วมมือกับผู้ปกครองพัฒนารูปแบบ จัดประสบการณ์เรียนรู้สำหรับเด็กอายุ 2-6 ปี ในช่วงเดือน พ.ค.- ก.ค. 2563 มีการนำร่องในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก (ศพด.) ที่เป็นศูนย์เรียนรู้ 21 แห่ง และขยายผลไปอีก 300 แห่ง เพื่อให้สามารถจัดการเรียนรู้แบบไร้รอยต่อระหว่างบ้าน และ ศพด.เน้นการเรียนรู้จากการทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้เกิดประสบการณ์ตรง ส่งเสริมพัฒนาการเด็กให้สมวัยทั้ง 4 ด้าน ทั้งร่างกาย อารมณ์ สังคม สติปัญญา บูรณาการผ่านการเล่นและกิจกรรมที่เหมาะสมกับวัย ซึ่งเครื่องมือสำคัญที่ทาง COACT พัฒนาขึ้น คือ ตารางกิจกรรมที่ครบเนื้อหาและขั้นตอนมีหลักสูตรเสริมสร้างการเรียนรู้ที่บ้านสำหรับเด็กปฐมวัยและสอดคล้องกับชีวิตวิถีใหม่ (New Normal)

“ได้พูดคุยกับผู้ปกครอง พบว่า บางคนตกงาน อยู่บ้านทั้งวันไม่รู้จะเล่นอะไรกับลูก ทุกคนรู้สึกเครียด เด็กก็ไม่มีเพื่อนเล่น ขณะที่สสส.ห่วงว่าเมื่อเด็กอยู่บ้านนาน จะทำให้เด็กวัยนี้ติดมือถือ แท็บเล็ต เพราะผู้ปกครองไม่รู้จะหากิจกรรมอะไรให้ลูกทำ บางครั้งจำเป็นต้องให้ลูกเล่นโทรศัพท์มือถือ ทั้งๆ ที่เด็กวัยนี้ไม่ควรอยู่กับจอใสทั้งมือถือและทีวีเกิน 1 ชม./วัน ดังนั้น การที่ ศพด.จะจัดการเรียนการสอนที่บ้านจึงต้องทำความเข้าใจกับผู้ปกครอง ผู้บริหารท้องถิ่น ครู และกลุ่ม อสม. เพื่อให้เข้าใจและร่วมมือกัน เพราะการปรับการเรียนรู้ให้เหมาะสมภายใต้ข้อจำกัดเป็นสิ่งจำเป็น เราจัดอบรมผู้ปกครอง สอนเทคนิคการเล่านิทาน การทำสื่อการสอน โดยพ่อแม่จะถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอส่งทางไลน์ ซึ่งจะมีกลุ่มไลน์ของคุณครูและพ่อแม่ คุณครูจะเข้ามาชื่นชมเด็กๆ ผ่านคลิปวิดีโอ ส่วนครอบครัวที่ไม่ใช้ไลน์ ครูจะออกเยี่ยมบ้านเพื่อประเมินพัฒนาการของเด็ก มีของเล่นเสริมพัฒนาการที่จะนำไปให้เด็กๆ ที่บ้านพร้อมกับส่งอาหารกลางวัน ขณะเดียวกัน สสส.ได้สนับสนุนหน้ากากผ้า สำหรับเด็กด้วย” รศ.ดร.จุฑามาศ กล่าว

นางสุทธินันท์ จันทร์เทพ ครูศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก วัดพรหมวิหาร ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย กล่าวว่า ศพด. ได้เปิดรับเด็กในเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา โดยเด็กกลุ่มนี้ต้องปรับให้เรียนที่บ้าน ในเบื้องต้นได้ทำตารางการเรียนไว้ 8 สัปดาห์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.เป็นต้นมา มีคุณครู 8 คน ให้คำแนะนำผู้ปกครองผ่านกลุ่มไลน์ ซึ่งตารางเรียนปรับให้เหมือนกับมาเรียนที่ศูนย์เด็กเล็กเพื่อให้เด็กปรับตัวได้เมื่อเปิดศูนย์ สำหรับตารางการเรียนที่บ้านของเด็กวัยก่อนอนุบาลไม่ได้ซับซ้อน เน้นการส่งเสริมการช่วยเหลือตัวเองและทำทุกอย่างด้วยตัวเอง สำหรับตัวอย่างตารางเรียนที่บ้านเริ่มจากตื่นนอน 7 โมงเช้า ฝึกให้ลูกล้างหน้าแปรงฟัน ล้างมือ 7 ขั้นตอน ครูส่งคลิปทานอาหารเช้า แนะนำเรื่องอาหารว่าง ถ่ายคลิปการแนะนำตัวของลูก เช่น ลูกชื่ออะไร ให้เด็กบอกชื่อโรงเรียน กิจกรรมเคลื่อนไหวออกำลังกายโดยปรับให้เข้าวิถีชีวิต เช่น ปั่นจักรยาน เต้นประกอบเพลง เป็นต้น












กำลังโหลดความคิดเห็น