หน้ากากอนามัย ปราการด่านสุดท้ายป้องกันเชื้อโรคเข้าทางเดินหายใจ งัดตัวเลข “หวัดใหญ่” ม.ค.ป่วยสูง 5.2 หมื่นราย พอหลังรณรงค์ใช้หน้ากากป้องกันโควิด ช่วยลดผู้ป่วยเดือนถัดมาลงเหลือ 3.3 หมื่นราย 1.2 หมื่นราย และ 1.9 พันราย ชี้หน้าฝนนี้ เปิดกิจการคลายล็อกต่างๆ ขอให้คงการใช้หน้ากากต่อไป
วันนี้ (22 พ.ค.) นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ประเทศไทยเข้าสู่หน้าฝน เมื่อวันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา เป็นช่วงที่เรากำลังเฝ้าระวังโรคต่างๆ มากขึ้นเรื่อยๆ ว่า จะมีโรคอะไรเพิ่มขึ้นหรือไม่ ซึ่งโรคติดต่อทางเดินหายใจจะขยับขึ้นในช่วงหน้าฝน อย่างปี 2563 เรามีรายงานผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่เดือน ม.ค. จำนวน 52,272 ราย มากกว่าปี 2562 ในช่วงเวลาเดียวกัน แต่ช่วง ก.พ. เราเริ่มรณรงค์ป้องกันโควิด-19 เน้นสวมหน้ากากผ้า หน้ากากอนามัย จำนวนผู้ป่วยก็ลดลงเหลือ 33,095 ราย ซึ่ง ก.พ.ปีที่แล้ว ผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่จะเพิ่มขึ้นจาก ม.ค.
ขณะที่เดือน มี.ค.ปี 63 ผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ก็ลดลงอีกเหลือ 12,567 ราย ต่ำกว่าปีที่แล้วอย่างมาก เหลือเพียง 1 ใน 4 และ เม.ย.ที่เพิ่งผ่านไป ซึ่งปกติช่วงหน้าร้อนโรคจะลดลง แต่ปีนี้ก็จะยังลดต่ำกว่า โดยเหลือ 1,952 ราย จากปีที่แล้วที่มีประมาณ 20,000 ราย เมื่อแยกเป็นรายภาคก็พบว่าลดลงทุกภาคเช่นกัน ทำให้เป็นคำตอบว่า การสวมหน้ากากผ้า หน้ากากอนามัยกันในเปอร์เซ็นต์สูงๆ จำนวนโรคติดต่อทางเดินหายใจก็จะลดลงด้วย ถือเป็นปราการด่านสุดท้ายป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ทางเดินหายใจ ก็หวังว่าจะเห็นโรคไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัดต่างๆ ต่ำๆ ต่อไป
“ขอให้คงการใช้หน้ากากผ้าหน้ากากอนามัยในระดับสูงต่อไป ยิ่งช่วงนี้มีหลายกิจการเปิดบริการ คนไปใช้บริการมากขึ้น ไปพบปะกันในสถานที่สาธารณะ ห้างสรรพสินค้า สถานที่ต่างๆ หน้ากากอนามัยจะเป็นปราการป้องกันเชื้อเข้าร่างกายได้” นพ.โสภณ กล่าวและว่า มีการศึกษาว่าคนติดเชื้อไม่สวมหน้ากาก คนปกติสวมหน้ากาก ลดความเสี่ยงติดเชื้อ 30% หากคนป่วยสวมหน้ากาก คนปกติไม่สวมหน้ากาก ลดเสี่ยงได้ 95% แต่หากคนป่วยและคนปกติสวมหน้ากากทั้งคู่ ลดความเสี่ยงได้ถึง 98.5%