xs
xsm
sm
md
lg

บทเรียน ‘ชีวิตคือความไม่แน่นอน’ /ดร.สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เมื่อลูกชายคนโต “สรวง สิทธิสมาน” วัย 22 ปี ผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกาย และมีวินัยในการแบ่งเวลาเพื่อดูแลสุขภาพ และเลือกรับประทานอาหารที่ไม่ทำร้ายร่างกาย แต่เพียงชั่วเวลาสั้นๆ ต้องมาเจ็บป่วยกะทันหันถึงขั้นต้องนอนในโรงพยาบาล ทำให้ได้มีเวลาขบคิดถึงชีวิตว่า “ชีวิตคือความไม่แน่นอน” และได้ข้อคิดบางประการของการมีชีวิตอยู่
สำหรับคนเป็นแม่ การเข้าโรงพยาบาลของลูกครั้งนี้คือการเรียนรู้บทเรียนชีวิตอีกบทหนึ่งของเขาว่าความประมาทและการเจ็บป่วยไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุ !
………………..

"ชีวิตคือความไม่แน่นอน"

ผมรับรู้และตระหนักถึงความไม่แน่นอนของชีวิตอยู่เสมอ อย่างไรก็ดี บางครั้งบางคราวบางเหตุการณ์ก็ทำให้ผมประหลาดใจอยู่เหมือนกัน เพราะนึกไม่ถึงเลยว่าชีวิตมันจะไม่แน่นอนได้ถึงเพียงนี้

เรื่องทั้งหมดมีอยู่ว่า ระหว่างช่วงเวลาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กลับเป็นช่วงเวลาที่ผมมีสุขภาพดีกว่าที่เคย ด้วยความที่ออกกำลังกายทุกวันโดยตั้งเป้าหมายว่าจะเพิ่มน้ำหนัก 6 กก. จาก 64 กก. เป็น 70 กก. ซึ่งเมื่อผมเพิ่มน้ำหนักได้แล้ว 5 กก. ก็เกิดเรื่องขึ้น

ผมตื่นเช้ามาทำกิจวัตรตามปกติ เรียนออนไลน์ ออกกำลังกายหนักหน่วงตั้งแต่บ่ายแก่จนถึงช่วงเย็น จนถึงตอนนี้แล้วก็อาจบอกได้ว่า วันนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งวันที่น่าพึงพอใจทีเดียว

แต่เพราะข้าวหมูแดงกล่องนั้น.... กล่องที่ซื้อมาตั้งแต่ตอนกลางวันเพื่อจะนำมากินเป็นอาหารมื้อเย็น ผมเชื่อว่าคงจะเป็นเพราะซื้อมาวางเอาไว้ในอากาศที่ร้อนอ้าว ทำให้ข้าวหมูแดงกล่องนั้นเสีย ประกอบกับที่ผมไม่ได้นำไปอุ่นก่อนกิน....

ระหว่างนั่งดูซีรี่ส์สามก๊กฉบับปี 2010 อยู่กับครอบครัวตอนเวลาสามทุ่มเศษ ผมเกิดรู้สึกคลื่นไส้ และภายในระยะเวลาอันสั้น ผมอาเจียนไปนับครั้งไม่ถ้วน อาเจียนใส่โถชักโครกห้องน้ำในห้องนั่งเล่นอยู่หลายหน จึงตัดสินใจขึ้นไปพักผ่อนบนห้องนอน พอถึงห้องนอนก็อาเจียนใส่ชักโครกห้องน้ำในห้องนอน อาเจียนเสร็จก็ขึ้นเตียง หวังว่าจะนอนให้หลับ แต่ก็ปวดท้องเหลือเกิน ปวดมากแบบไม่เคยเป็นมาก่อน ผมนอนไม่ได้ จึงไปหาแม่ที่ห้องนอนของท่าน พอถึงห้องแม่ ไม่ทันไรก็เกิดคลื่นไส้ วิ่งไปอาเจียนใส่โถชักโครกห้องน้ำในห้องนอนของแม่อีก เรียกได้ว่าอาเจียนใส่ชักโครกเกือบครบทุกโถในบ้านแล้ว

ผมนั่งกอดชักโครกในห้องน้ำ ประหนึ่งว่ามันเป็นเพื่อนรักที่ผมไม่ต้องการที่จะพรากจาก ผมอยากจะกอดมันอยู่อย่างนี้ไปอีกสักพัก ผมอาเจียนเอาทุกสิ่งออกมาจนหมดท้องแล้ว แต่ก็ยังไม่หยุดอาเจียน ผมอาเจียนออกมาเป็นน้ำย่อยสีเหลืองอ่อน ขมคอเป็นที่สุด เนื้อตัวและเสื้อผ้าที่สวมใส่เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ ผมลุกขึ้นมาบ้วนปาก ส่องกระจก หน้าของผมซีดเซียว แต่ดวงตากลับแดงก่ำ

ระหว่างที่พ่อ-แม่ผมกำลังถกเถียงกันว่าจะพาไปโรงพยาบาลหรือไม่ ผมกลับลงไปนั่งกอดชักโครกเพื่อนรักต่อ พลางคิดไปอย่างไร้สติว่ามีคนมาเสกตะปูใส่ท้องเราหรือเปล่านะ หรือเราติดสามก๊กมากไปจนทำให้คิดเยอะและเกิดภาวะเครียด ทำให้ปวดท้องและอาเจียน หรือจะเป็นเพราะผมติด COVID-19 แต่ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้เพราะผมไม่มีไข้ ตรงกันข้าม ตัวผมกลับเย็นเฉียบ

ท้ายที่สุดผมก็ถูกลากไปโรงพยาบาล ระหว่างที่นั่งอยู่บนรถ ผมได้นำถุงคู่ใจที่พกติดมา แขวนหูถุงไว้บนหูผมสองข้าง นั่งขดตัวด้วยความปวดท้อง อาเจียน แม้จะไม่มีอะไรออกมาแล้วก็ตาม เมื่อถึงโรงพยาบาลราวสี่ทุ่มครึ่ง มีบุรุษพยาบาลมารับขึ้นรถเข็น นำตัวผมไปยังห้องฉุกเฉินทันที

เมื่อถึงห้องฉุกเฉิน ระหว่างทางไปที่เตียง ผมต้องผ่านเตียงผู้ป่วยฉุกเฉินรายอื่นนับสิบคน แต่ละคนใส่เครื่องช่วยหายใจ มีรายหนึ่งกำลังถูกทำ CPR และใช้เครื่องปั๊มหัวใจให้กลับมาเต้นอีกครั้ง ผมได้ยินเสียงเครื่องวัดสัญญาณชีพจร ได้ยินเสียงให้กำลังใจของญาติผู้ป่วยรายอื่น ผมนึกในใจว่าตัวเองเป็นหนักถึงขั้นมารวมอยู่ในห้องเดียวกับคนที่หัวใจหยุดเต้นเลยเชียวหรือ....

แต่ก็เป็นครั้งแรกที่ผมเริ่มกลับมามีกำลังใจ ทำให้เริ่มรู้สึกดีขึ้น เพราะได้เห็นว่ามีคนอีกมากมายที่สถานการณ์คับขันยิ่งกว่าเรา

อย่างไรก็ดี ผมยังไม่หยุดอาเจียน จนกระทั่งคุณหมอเดินมาถามอาการ

"อาการเป็นไงบ้างครับ" คุณหมอถาม

"อ้อกกกก" ผมอาเจียนหนึ่งคำก่อนจะตอบไปว่า "ปวดท้องครับ"

"ถ่ายกี่ครั้งครับ" คุณหมอถามอีกครั้งในระหว่างที่ผมอาเจียนใส่ถุง

"ประมาณ อ้อกกกก! 2 ครั้งครับ อ้อกกกก!"

ถึงแม้คุณหมอจะเห็นผมอยู่ในสภาพที่ไม่พร้อมตอบ แต่ก็ยังคงยิงคำถามมาอย่างไม่ลดละ ผมก็ได้แต่นั่งอาเจียนไปตอบไป นับว่าเป็นประสบการณ์สุดพิลึกพิสดาร

หลังจากได้รับน้ำเกลือ ตรวจเลือด และฉีดยาสามเข็ม ได้แก่ยาแก้ปวด ยาแก้คลื่นไส้ และยาฆ่าเชื้อ ก็รู้สึกว่าอาการจะดีขึ้นบ้าง ผมก็ถูกพาตัวขึ้นมาบนห้องผู้ป่วยใน เมื่อพยาบาลส่งถึงเตียงและออกจากห้องไป ผมนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ทั้งหมด และพูดกับพ่อซึ่งมานอนเฝ้าผมทั้งคืนว่า

"ชีวิตคนเราช่างไม่แน่นอน ใครจะไปนึกว่าตอนบ่ายที่กำลังออกกำลังกายปั๊มกล้ามแขนส่วน Bicep อยู่ดี ๆ แต่พอตกค่ำมานอนหมดสภาพ หยอดน้ำเกลืออยู่บนเตียงโรงพยาบาล"

พ่อผมยิ้มแล้วตอบว่า "เข้าใจพูดดีนี่"

ชีวิตคนเราช่างไม่แน่นอน ยิ่งคิดยิ่งพิลึก ใครจะไปคิดว่าปี 2020 จะเกิดเรื่องเลวร้าย ตั้งแต่ต้นปีก็เกิดไฟป่าครั้งใหญ่ที่ออสเตรเลีย เหตุการณ์กราดยิงที่โคราช มลพิษภาคเหนือที่เกิดจากไฟป่า ตลอดมาจนถึงการแพร่ระบาดไปทั่วโลกของ COVID -19 ที่กำลังบ่อนทำลายเศรษฐกิจโลก เทอมที่แล้วเรียนอยู่ที่จีน ใช้ชีวิตเดินอยู่บนหนทางสู่ความรุ่งโรจน์ ใครจะไปนึกว่าเทอมนี้จะต้องมาเรียนออนไลน์อยู่ที่บ้าน กักตัวเป็นเดือน ๆ แทบจะไม่ออกไปไหน

แต่ก็เพราะความไม่แน่นอนนี่แหละ ที่เปิดโอกาสให้สิ่งมีชีวิตได้ทำการปรับตัว ถึงแม้ว่าจะไม่ง่าย แต่เราก็ต้องพยายามหยิบจับสิ่งที่เรามีในมือมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อที่จะดำรงชีวิตต่อไปจนกว่าปัญหาจะถูกแก้ เรียนออนไลน์อาจจะไม่ใช่หนทางที่ดี แต่เท่าที่ผมเห็น ตอนนี้ไม่มีหนทางใดดีกว่าการเรียนออนไลน์แล้วเหมือนกัน

แม้จะไร้ซึ่งความแน่นอน แต่ชีวิตต้องก้าวไปข้างหน้า ทุกสิ่งต้องพัฒนาต่อไป เพื่อเจอกับปัญหาใหม่อยู่เสมอ

ดั่งที่ 'ขงเบ้ง' กล่าวเอาไว้ในนิยายสามก๊กว่า

"สรรพสิ่งไม่แน่นอน ไม่อาจรอช้าได้"

ถ้าขึ้นชื่อว่าชีวิตแล้วไซร้ ใยจึงปรารถนาหาความแน่นอน


กำลังโหลดความคิดเห็น