องค์การเภสัชฯ เผย WHO รับรองมาตรฐานยาต้านเอดส์ “เอฟฟาไวเรนซ์” เป็นครั้งที่ 2 หลังรับการรับรองมาตั้งแต่ปี 2561 จ่อพัฒนายาสูตรผสม 3 ชนิดในเม็ดเดียว เพื่อยื่นขอรับรองมาตรฐานสากลด้วยเป็นรายการที่ 2
วันนี้ (29 เม.ย.) นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) กล่าวว่า เมื่อปลายปี 2651 ยาต้านไวรัสเอดส์ “เอฟฟาไวเรนซ์” ของ อภ.ได้รับการรับรองมาตรฐานสากลจากองค์การอนามัยโลก WHO Prequalification Program (WHO PQ) ซึ่งมีระยะเวลาการรับรอง 3 ปี โดยเมื่อวันที่ 27 เม.ย. 2563 องค์การอนามัยโลก กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ได้รับรองมาตรฐานดังกล่าวให้กับยา Efavirenz Tablets 600 mg ของ อภ.เป็นครั้งที่ 2 และได้แสดงรายการยา Efavirenz ใน WHO Prequalified List บนเว็บไซต์ของ WHO นับเป็นยารายการแรกของประเทศไทย และเป็นประเทศเดียวในกลุ่มประเทศสมาชิกเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) จึงเป็นการยืนยันว่า อภ.ได้มีการพัฒนาและรักษามาตรฐานคุณภาพอย่างสม่ำเสมอเป็นอย่างดี และส่งผลให้ อภ. สามารถขึ้นทะเบียนตำรับยา Efavirenz ในประเทศอื่นๆ รวดเร็วขึ้น ทำให้สามารถส่งออกไปจำหน่ายในต่างประเทศได้
นพ.วิฑูรย์ กล่าวว่า สำหรับปี 2565 อภ. มีแผนขึ้นทะเบียนรายการยาต้านไวรัสเอชไอวี/เอดส์สูตรผสม 3 ชนิดในเม็ดเดียวกัน ประกอบด้วย ตัวยา Dolutegravir 50 mg /Tenofovir DF 300 mg /Lamivudine 300 mg พร้อมทั้งเตรียมรับการตรวจประเมินสถานที่ผลิตยาจากคณะผู้ตรวจจากองค์การอนามัยโลก ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ในโปรแกรม WHO-Prequalification ซึ่งหากได้รับการรับรองก็จะเป็นยาอีกหนึ่งรายการที่ได้รับการรับรองในระดับมาตรฐานโลก
“การวิจัย พัฒนา และผลิตยา Efavirenz นับเป็นตัวอย่างหนึ่งที่สำคัญของการผลิตยาชื่อสามัญที่ อภ.ได้ดำเนินการจนได้รับรองมาตรฐานระดับโลก ยาชื่อสามัญในกลุ่มยาจำเป็นนับเป็นกลไกสำคัญของระบบสาธารณสุขไทย ที่ทำให้คนไทยได้เข้าถึงยาที่มีประสิทธิผลการรักษาเทียบเท่ายาต้นแบบได้มากขึ้น เนื่องจากราคาที่ถูกลง ดังนั้น จึงมีความจำเป็นที่ อภ.ต้องดำเนินการวิจัย พัฒนายาชื่อสามัญไว้ล่วงหน้า เพราะเมื่อยาต้นแบบหมดสิทธิบัตรลง ผู้ป่วยจะได้ใช้ยาชื่อสามัญในราคาที่ถูกลงต่อไปได้ทันทีเลย” ผอ.อภ.กล่าว