xs
xsm
sm
md
lg

อภ.เร่งจัดหาหน้ากาก N95-ชุด PPE อย่างละ 5 ล้านชิ้น เร่งพัฒนาชุดป้องกัน กำลังทดสอบประสิทธิภาพ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



อภ.ตั้งเป้าจัดหาหน้ากาก N95 และชุด PPE อย่างละ 5 ล้านชิ้น/ชุด สำรองและจัดส่งให้บุคลากรทางการแพทย์มีใช้เพียงพอ เร่งทดสอบชุดป้องกันใช้ซ้ำได้ เพื่อขึ้นทะเบียน อย. ส่วนผลิตชุด PPE เอง อยู่ระหว่างเอกชนพัฒนาและทดสอบประสิทธิภาพ

วันนี้ (18 เม.ย.) นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) กล่าวว่า ปัจจุบันมีหน้ากากอนามัยคงคลังที่หน่วยบริการประมาณ 11 ล้านชิ้น อัตราการใช้ต่อวันประมาณ 4.04 แสนชิ้น ยังมีระยะเวลาคงคลังของหน้ากากอนามัยตามพื้นที่ประมาณ 27 วัน โดยได้รับจัดสรรเพิ่มวันละ 7 แสนชิ้น ส่วนหน้ากาก N95 ไทยยังมีความต้องการอีกมาก โดยตั้งเป้าไว้ประมาณ 5 ล้านชิ้นในทุกภาคส่วน ช่วงนี้จัดสรรหาได้ประมาณ 5.8 แสนชิ้น จากสยามโคเค็น 2.4 แสนชิ้น และจาก 3M 3.4 แสนชิ้น สถิติการใช้ต่อวันอยู่ประมาณ 1.39 หมื่นชิ้นต่อวัน หรือเฉลี่ยต้องใช้ 6.67 แสนชิ้นต่อเดือน ทั้งนี้ ได้จัดสรรหน้ากาก N95 ให้บุคลากรทางการแพทย์ใช้ไปแล้วและคงสำรองอยู่ที่โรงพยาบาลต่างๆ ประมาณ 2.28 แสนชิ้น รอจัดสรรและสำรองกรณีฉุกเฉินเร่งด่วนที่ อภ.ประมาณ 8.7 หมื่นชิ้น

“ขณะนี้ยังไม่สามารถหาทรัพยากรที่เพียงพอกับความต้องการ แต่หลายฝ่ายก็ช่วยกัน โดยคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล ม.นวมินทราธิราช ที่พัฒนาหน้ากาก Silicone Mask N99 ที่สามารถนำมาใช้ซ้ำได้ โดยผลิตให้ รพ.ไปแล้วกว่า 3 พันชิ้น โดยจะผลิตเพิ่มอีก 5 พันชิ้น อภ.จึงสนับสนุนงบประมาณเพื่อพัฒนาหน้ากากตัวนี้ด้วย” นพ.วิฑูรย์ กล่าว

นพ.วิฑูรย์ กล่าวว่า สำหรับชุดป้องกัน PPE ก็มีเป้าหมายจัดหา 5 ล้านชุดเช่นเดียวกับ N95 เพื่อให้เพียงพอกับบุคลากรหน้างาน ซึ่งไทยสามารถหาได้จาก 3 แหล่ง คือ Lakeland เวียดนาม จำนวน 136,250 ชุด ในเดือนนี้ และจากสปอร์ตอิมพอร์ต 1 แสนชุด และ DKSH เป็น Surgical Gown อีก 1 แสนชุด รวมเป็น 3.36 แสนชุด และเราพยายามพัฒนาผู้ประกอบการในประเทศ โดยร่วมกับสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ และสหพันธ์อุตสาหกรรมสิ่งทอแห่งประเทศไทย ในการผลิต Surgical Gown ที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ 20 ครั้ง อยู่ระหว่างการพัฒนาและเร่งมือผลิต รวมทั้งจะพัฒนา PPE ของคนไทยเอง โดยจะนำไปทดสอบที่คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ต่อไป

นพ.วิฑูรย์ กล่าวว่า สำหรับยาฟาวิพิราเวียร์ จัดซื้อมาแล้วทั้งสิ้น 1.87 แสนเม็ด ได้ให้บุคลากรทางการแพทย์นำไปใช้แล้ว 5.45 หมื่นเม็ด และคงสำรองอยู่ที่โรงพยาบาลต่าง ๆ ประมาณ 3.06 หมื่นเม็ด รอจัดสรรและสำรองกรณีฉุกเฉินเร่งด่วนที่ อภ.ประมาณ 1.01 แสนเม็ด โดยมีแผนการจัดซื้อเพิ่มจากญี่ปุ่น 1.03 แสนเม็ด และจากจีน 2 แสนเม็ด อย่างไรก็ตาม อภ.เปิดกว้างให้ผู้ผลิต/ ตัวแทนจำหน่าย (Supplier)หน้ากากอนามัย N95 /ชุด PPE ทั้งในและต่างประเทศ ที่มีศักยภาพและผลิตภัณฑ์ผ่านการรับรองคุณภาพจาก อย. เข้ารับการคัดเลือกขึ้นทะเบียนเป็นผู้ผลิตและจำหน่าย ของ อภ. (GPO-COVID-19 Approved Vendor List) ซึ่งจะทำให้มีแหล่งในการจัดหาและสำรองเวชภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ช่วยลดความผันผวนของตลาด ให้การจัดหาเป็นไปด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้

“ความคืบหน้าการผลิตชุดล่าสุด มีผู้ประกอบการ 12 ราย ผ่านเกณฑ์ อย.มาพบปะกับ อภ. เพื่อทำความเข้าใจสเปก คุณภาพการตัดเย็บ เรามีการทดสอบไปแล้วสำหรับเสื้อคลุมป้องกันผลิตจากเสื้อโพลีเอสเตอร์ เคลือบด้วยสารกันน้ำ ต้องทนแรงดันน้ำได้ 200 มิลลิเมตรน้ำ หรือกันน้ำได้ระดับ 2 ต้องมีการซักอบแห้งและทดสอบซ้ำ ซึ่งทดสอบที่สถาบันบำราศนราดูรไปแล้ว 10 รอบคาดว่า จะครบ 20 รอบในช่วงสิ้นเดือนนี้ เราพยายามเน้นคุณภาพที่ใช้ได้จริง เพื่อขึ้นทะเบียนอย.ด้วย ส่วนชุด PPE มีเอกชนที่นำเข้าผ้ามาตัดเย็บ และแนะนำให้ส่งตรวจคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ เพื่อทดสอบการซึมของของเหลว หรือเลือด อยู่ระหว่างการพัฒนาเช่นกัน” นพ.วิฑูรย์ กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น