ทปอ.ออกมาตรการเยียวยานักศึกษาที่ได้รับผลกระทบโควิด-19 กว่า 4 พันล้านบาท
วันนี้ (14 เม.ย.) ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ในฐานะประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) กล่าวว่า จากสถานการณ์การโควิด-19 แพร่ระบาดทั่วโลก โดย ทปอ. สมาชิกสถาบันอุดมศึกษาของรัฐในเครือข่ายจำนวน 34 แห่ง ได้ตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อสังคมร่วมกัน โดยมีมติร่วมกันในการจัดมาตรการให้ความช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายต่างๆ ในระบบอุดมศึกษาให้ครอบคลุมทุกมิติ กว่า 4,000 ล้านบาท
สำหรับมาตรการเยียวยาของสถาบันอุดมศึกษา ทปอ. ดังนี้ 1. สนับสนุนนโยบายภาครัฐในการปรับลดงบประมาณของแต่ละสถาบันอุดมศึกษา เพื่อการเยียวยาสังคมในภาพรวม ใช้งบประมาณจำนวน 300 ล้านบาท และงบประมาณบางส่วนของสถาบันอุดมศึกษาในกำกับของรัฐ ประมาณ 500 ล้านบาท
2. การช่วยเหลือค่าเล่าเรียนและค่าธรรมเนียมการศึกษาในภาคการศึกษาที่ 1 และภาคการศึกษาที่ 2 ในปีการศึกษา 2563 สำหรับหลักสูตรปกติ ใช้งบประมาณจำนวน 2,000 ล้านบาท รวมทั้งการผ่อนผันการชำระค่าเล่าเรียนและค่าธรรมเนียมการศึกษา ทั้งนี้ การบริหารจัดการจะเป็นรูปแบบใดเพื่อช่วยในการเยียวยาและมุ่งตรงไปยังกลุ่มเป้าหมายนิสิต นักศึกษาที่ได้รับผลกระทบอย่างแท้จริง เป็นอำนาจของสภามหาวิทยาลัยที่จะพิจารณา
3. การสนับสนุนการจัดการเรียนการสอนในระบบออนไลน์ ให้มีประสิทธิภาพ ได้แก่ การจัดหา Educational SIM ช่วยการเข้าถึง Internet การซื้อลิขสิทธิ์โปรแกรมการเรียนการสอนออนไลน์ Google Meet, Microsoft Teams, Cisco Webex Meeting เครื่องมือบริหารจัดการเรียนการสอนออนไลน์ การพัฒนาอาจารย์ด้าน IT ใช้งบประมาณจำนวน 500 ล้านบาท
4. การจัดตั้งกองทุนมหาวิทยาลัยเพื่อเยียวยานิสิตนักศึกษาที่ได้รับผลกระทบ ให้สามารถศึกษาเล่าเรียนจนสำเร็จการศึกษา การจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือการจ้างงาน การหางานสำหรับผู้สำเร็จการศึกษา ใช้งบประมาณจำนวน 400 ล้านบาท
5. การสนับสนุนปรับลดค่าธรรมเนียมสนับสนุนการศึกษาต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียมหอพัก ค่าธรรมเนียมการรักษาสภาพ การทำประกันภัย COVID-19 ใช้งบประมาณจำนวน 100 ล้านบาท
6. การเข้าร่วมในกิจกรรมทางสังคม ใช้งบประมาณจำนวน 300 ล้านบาท ได้แก่ 1. จิตอาสาแบ่งปันให้สังคมชุมชนรอบสถาบันอุดมศึกษา ได้แก่ การทำเจลแอลกอฮอล์ การผลิตหน้ากากอนามัย การจัดทำน้ำยาพ่นฆ่าเชื้อ อาหารเครื่องดื่มให้บุคลากรทางการแพทย์ จัดบุคลากร นิสิต นักศึกษา จิตอาสาให้ความรู้ ช่วยคัดกรองตามจุดคัดกรองของชุมชน การจัดส่งเมล็ดพันธุ์พืชสวนครัว 2. การจัดตั้งโรงพยาบาลภาคสนาม ไม่น้อยกว่า 2,000 เตียง และสถานที่กักกันตัว รองรับได้ประมาณ 1,400 คน 3. การให้ความช่วยเหลือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของสถาบันอุดมศึกษา ได้แก่ การลดค่าเช่าพื้นที่ขายอาหาร ขายของ
ทั้งนี้ ภารกิจของอุดมศึกษาคงไม่ได้มีแค่ให้ความช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายภายในสถาบันอุดมศึกษาเท่านั้น สถาบันอุดมศึกษาเครือข่ายที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทยยังตระหนักถึงความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ต่อสังคมไทยในสถานการณ์การระบาดของโรคอุบัติใหม่ สถาบันอุดมศึกษาขนาดใหญ่หลายแห่งทั้งในส่วนกลางและภูมิภาคได้ใช้โรงพยาบาลในสังกัดให้บริการคัดกรอง ตรวจเชื้อ และรักษาผู้ป่วย ผู้เสี่ยงติดเชื้อร่วมกับโรงพยาบาลภาครัฐตั้งแต่เกิดสถานการณ์มาโดยตลอด การส่งนิสิตนักศึกษาและบุคลากรทางการแพทย์ ร่วมเป็นจิตอาสาทั้งด้านการแพทย์และสาธารณสุข เพื่อสนับสนุนสร้างขวัญและกำลังใจให้กับชุมชนโดยรอบ แจกจ่ายอุปกรณ์จำเป็น เจลแอลกอฮอล์ หน้ากากอนามัย การให้ความรู้ในการดูแลตนเองปละครอบครัว และที่สำคัญ สถาบันอุดมศึกษายังใช้องค์ความรู้ในการเร่งเร่งระดมสรรพกำลังคิดค้นสร้างนวัตกรรมทางการแพทย์ในสภาวะที่ทั่วโลกเผชิญวิกฤติพร้อมกัน โดยที่บุคลากรทุกภาคส่วนเร่งประดิษฐ์อุปกรณ์ทางการแพทย์ด้วยเทคโนโลยีต่างๆ ให้แพทย์ พยาบาล ผู้ป่วย ผู้เสี่ยงติดเชื้อ ให้มีทั้งคุณภาพและปริมาณที่เพียงพอในภาวะขาดแคลน สามารถทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศ ได้แก่ ชุด PPE หน้ากากพลาสติค หุ่นยนต์ให้บริการในหอผู้ป่วย เปล/เตียงขนย้ายผู้ป่วย เครื่องอบโอโซน ห้องคัดกรองผู้ติดเชื้อ เครื่องช่วยหายใจ ห้องตรวจผู้ป่วยความดันลบ ฯลฯ รวมนวัตกรรมไม่ต่ำกว่า 100 ชิ้นงาน ที่ได้นำไปใช้งานแล้ว นอกจากนี้ ยังมีสถาบันอุดมศึกษาเครือข่าย ทปอ. อีกจำนวน 19 แห่ง ที่มีความพร้อมในการใช้สถานที่เตรียมการสำหรับโรงพยาบาลสนามประมาณ 1,600 เตียง และสถานกักกันได้ประมาณ 1,200 คน มูลค่าไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทยตระหนักถึงบทบาทและความรับผิดชอบที่มีต่อสังคมและผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม ทั้งในมิติของการศึกษาและมิติด้านสังคม ให้เป็นสังคมที่มีคุณค่าอย่างยั่งยืน และถือว่าเป็นภาระหน้าที่ท้าทายอันยิ่งใหญ่ที่ทุกภาคส่วนจะต้องร่วมมือ ร่วมใจกันในทุกวิถีทาง ที่จะทำให้สังคมไทยกลับคืนเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว