สธ.เผยผู้ป่วยโควิด-19 กลับบ้านเพิ่ม 215 ราย กลับบ้านรวม 342 ราย สั่งร้านอาหารคุม “ดีลิเวอรี” ไม่ให้ออแน่น ย้ำต้องจัดคิว-จัดที่ให้รอห่างกัน 2 เมตร ขู่ปิดร้านหากพบมีการติดเชื้อ เผย 19 จังหวัดไม่มีผู้ป่วยรายใหม่ พบ 4 จังหวัดไม่มีรายใหม่ 7 วัน อีก 15 จังหวัดไม่มีผู้ป่วยรายใหม่ 14 วัน
วันนี้ (31 มี.ค.) นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า วันนี้มีผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ 127 ราย รักษาหายเพิ่ม 215 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย ผู้ป่วยสะสม 1,651 ราย กลับบ้านรวม 342 ราย อยู่ รพ.1,299 ราย ผู้ป่วยอาการหนัก 23 ราย สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ลดลง 8% อย่างไรก็ตาม ความร่วมมือเรื่องการรักษาระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ของคนไทยยังอยู่ที่ 70% แต่เราต้องการความร่วมมือมากกว่า 90% จึงจะลดจำนวนผู้ป่วยลง และดูแลรักษาพยาบาลโดยมีเครื่องมือพอเพียง ทั้งนี้ หากไม่จำเป็นไม่ควรออกจากบ้าน และแม้จะอยู่บ้านก็ไม่ควรเรียกคนมาสังสรรค์จัดปาร์ตี้ เพราะมีโอกาสแพร่ได้ แม้เมื่อเทียบกราฟการป่วยของประเทศไทยจะดูดีกว่าในสหรัฐอเมริกาหรือยุโรป หรือในอาเซียน แต่ก็ยังวางใจไม่ได้ เรื่องนี้ขึ้นกับการปฏิบัติของทุกคน
นพ.สุขุมกล่าวว่า ส่วนการเสียชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในคนอายุ 50 กว่าปี แม้จะยังไม่สูงอายุ แต่พบว่ามีโรคประจำตัว เบาหวาน อ้วน มะเร็ง ไต หรือการรับเชื้อมากเกินไป แม้คนแข็งแรงการรับเชื้อปริมาณมากจากการไปที่คับแคบ ไปที่ชุมชนบ่อยๆ ก็มีโอกาสรับเชื้อปริมาณมากทำให้รุนแรงก็เสียชีวิตได้เช่นกัน จึงย้ำว่าต้องเน้นรักษาระยะห่าง 2 เมตร ลดการไปที่เสี่ยงเข้าที่ชุมชน สำหรับกลุ่มส่งอาการหรือดิลิเวอรี ขอให้ปฏิบัติตามมาตรฐาน โดยผู้ส่งอาหารที่มารออาหารควรอยู่ห่างกันเกิน 2 เมตร โดยร้านอาหารจะต้องเข้มจัดการในเรื่องนี้ไม่ให้มีการมาออกัน เช่น จัดบัตรคิว จัดสถานที่นั่งรอที่ห่างกันเกิน 2 เมตร หากไม่ควบคุมและเกิดการติดต่อกันจากกรณีเช่นนี้อาจจะปิดร้านไม่ให้ทำต่อ
นพ.สุขุมกล่าวว่า สำหรับจังหวัดที่ปลอดผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ มีจำนวน 19 จังหวัด ได้แก่ กลุ่มจังหวัดที่ปลอดผู้ป่วยรายใหม่ 7 วัน มี 4 จังหวัด คือ เพชรบูรณ์ ยโสธร ลพบุรี และสุโขทัย และกลุ่มที่ไม่มีผู้ป่วยรายใหม่ต่อเนื่อง 14 วัน ได้แก่ กำแพงเพชร ชัยนาท ตราด นครนายก น่าน พังงา พิจิตร ระนอง ลำปาง บึงกาฬ สกลนคร สตูล สมุทรสงคราม อ่างทอง สิงห์บุรี
นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จังหวัดที่มีผู้ป่วย 1-2 คน หากทำได้ดี นำมารักษาและติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดได้ครบและไม่ให้มีผู้ป่วยอีกก็จะช่วยให้ไม่เกิดผู้ป่วยรายใหม่เพิ่ม สำหรับจังหวัดที่ปลอดผู้ป่วย สิ่งสำคัญคือการติดตามผู้ที่มาจากนอกพื้นที่ ต้องติดตามอย่างเข้มงวด เพราะการป่วยจะมาจากคนนอกพื้นที่ จึงต้องเข้มกับมาตรการเหล่านี้
