สธ.เผยมีผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่อีก 1 ราย เป็นชายชาวอังกฤษ พบ “ผีน้อย” มีอาการ 1 ราย มีอาการที่สนามบินสุวรรณภูมิ นำเข้ารักษาแล้ว รอผลตรวจยืนยันเชื้อ ส่วนผู้สัมผัสติดตามแล้วทั้งหมด รวมถึงเคสผู้ป่วย นศ.ไทย กลับจากอิหร่าน ก็ติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดได้ครบทั้งหมด สัญญาณดีหากควบคุมผู้ป่วยนำเข้าได้ ไทยอาจกลับสู่ระยะที่ 1
วันนี้ (6 มี.ค.) นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โรคโควิด-19 ว่า วันนี้มีผู้ป่วยยืนยันรายใหม่ 1 ราย เป็นชายชาวอังกฤษอายุ 43 ปี อาชีพที่ปรึกษาบริษัท โดยเดินทางมาจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 28 ก.พ. 2563 และได้เปลี่ยนเครื่องที่ฮ่องกง เมื่อวันที่ 29 ก.พ. ซึ่งใช้เวลาอยู่ที่ฮ่องกงประมาณ 7-8 ชั่วโมง จากนั้นจึงเข้ามาสู่ประเทศไทย ภายหลังมีอาการป่วย จึงเข้ารับการรักษาที่ รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง เมื่อวันที่ 3 มี.ค. 2563 ด้วยอาการไข้ มีเสมหะ ส่งต่อรักษาที่สถาบันโรคทรวงอก นอกจากนี้ พบว่า มีแรงงานไทยนอกระบบในเกาหลีใต้ (ผีน้อย) เดินทางกลับมา 1 ราย เป็นหญิงไทย อายุ 30 ปี ตรวจพบอาการไข้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 5 มี.ค. 2563 เข้าข่ายเป็นผู้ป่วยสอบสวนโรค จึงนำรักษาที่สถาบันบำราศนราดูร โดยพบเชื้อ 1 แล็บ อยู่ระหว่างรอผลตรวจเชื้ออีก 1 แล็บ ซึ่งหากทราบจะแจ้งผลภายหลัง
นพ.สุขุม กล่าวว่า สรุปวันที่ 6 มี.ค. มีผู้ป่วยสะสมในไทย 48 ราย รักษาหายแล้ว 31 ราย เสียชีวิต 1 ราย ยังอยู่ใน รพ. 16 ราย สำหรับผู้ป่วยอาการหนัก 1 ราย ยังอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด ส่วนผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคสะสม 4,023 ราย ให้กลับบ้านแล้ว 2,392 ราย อยู่ใน รพ. 1,631 ราย ทั้งนี้ ประเทศไทยได้หลุดพ้นผู้ป่วยโรคโควิด-19 จาก 20 อันดับแรกของโลกแล้ว โดยจำนวนผู้ป่วยของไทยอยู่ในลำดับที่ 24 และหากสังเกตจะพบว่า ขณะนี้ผู้ป่วยรายใหม่ระยะหลังมานี้กลับมาเหมือนเป็นระยะที่ 1 คือ เป็นผู้ป่วยที่ติดโรคมาจากต่างประเทศ ไม่ใช่ผู้ป่วยที่ติดภายในประเทศ หากควบคุมได้ดี ไม่ให้ผู้ป่วยที่นำเข้าจากต่างประเทศมาติดคนในประเทศ และทุกคนมีวินัย ช่วยกันดูแล โรคของเราก็จะควบคุมได้ และกลับมาเป็นระยะที่ 1
นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า สำหรับกรณีผู้ป่วยยืนยันที่เป็นนักศึกษาไทยกลับมาจากอิหร่าน แล้วพบว่ามีการไปปฏิบัติศาสนกิจ ขณะนี้ยืนยันว่าสามารถติดตามตัวผู้สัมผัสได้ทั้งหมด ซึ่งผู้สัมผัสต้องเป้นผู้สัมผัสใกล้ชิด คือ ในระยะ 1-2 เมตร และอยู่ด้วยกันเป็นเวลานาน ดังนั้น แม้จะไปปฏิบัติศาสนกิจ ก็ไม่ได้แปลว่าทุกคนในมัสยิดทั้งหมดจะเป็นผู้สัมผัสใกล้ชิด สำหรับกรณีคนออสเตรเลียป่วยโรคโควิด-19 หลังกลับจากไทย ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานข้อมูลกับผู้ประสานงานกฎอนามัยระหว่างประเทศ เพื่อสอบสวนโรค ซึ่งหากมีข้อมูลสอบสวโรคแล้วจะดำเนินการแจ้งให้ทราบ
นพ.ธนรักษ์ กล่าวว่า ระยะที่ 1 จะเป็นผู้ป่วยที่นำเข้าทั้งหมด ไม่สนว่าจะต้องเป็นคนไทยกลับมาหรือต่างชาติที่เข้ามา ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้การแพร่โรคไม่ไปสู่ระยะ 2 คือ คนไทยในประเทศติดเชื้อโดยรู้ว่าติดจากใคร และระยะ 3 คือ ติดโรคภายในประเทศโดยหาสาเหตุไม่ได้ ก็คือ ถ้าคนกลับมาและคนต่างชาติที่เข้ามา รู้ตัวเองว่ามีอาการ ต้องสัมผัสคนอื่นให้น้อยที่สุด สวมหน้ากากอนามัย ลดการแพร่เชื้อ เตรียมเจลแอลกอฮอล์ แล้วไปพบแพทย์ทันที โดยนึกตลอดว่าโรคต้องหยุดที่ตัวเรา เมื่อระยะเวลาที่จะสัมผัสผู้อื่นน้อย โอกาสแพร่ไปสู่ผู้อื่นก็น้อยลงด้วย หากทำกันเช่นนี้ ก็จะช่วยยุติการแพร่ระบาดในประเทศโดยปริยาย ถ้าทุกคนที่กลับมาทำอย่างนี้ได้ ก็จะเป็นส่วนร่วมของทีมงานสำคัญที่ยุติโรคนี้