กรมแผนไทย ชี้ "นวดไทย" เป็นมรดกโลกวัฒนธรรม เพราะเกิดประโยชน์ต่อมนุษยชาติ ช่วยรักษาหลายโรคไม่ต้องใช้ยา จากนี้ต้องเปิดกว้างให้ทุกคนเข้าถึง เร่งยกระดับมาตรฐานสูงขึ้นตามยุทธศาสตร์ ช่วยสร้างงาน เพิ่มค่าตอบแทน เร่งรวบรวมข้อมูลการนวดทั้งหมดในประเทศ
ยูเนสโก ขึ้นทะเบียน “นวดไทย” เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม
วธ.ปลื้ม “นวดไทย” ขึ้นทะเบียนมรดกวัฒนธรรม จ่อดัน "สงกรานต์-ต้มยำกุ้ง" ปี 63-64
นพ.ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีนวดไทยได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ ว่า ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก การที่ยูเนสโกพิจารณานั้น จะมองที่การเกิดประโยชน์กับมวลมนุษยชาติที่จะได้ร่วมกัน อย่างนวดไทยมีหลายระดับ ทั้งนวดในชุมชน นวดในสถานประกอบการ นวดรักษาในสถานพยาบาล เป็นวัฒนธรรมที่มีความมหัศจรรย์ สามารถรักษาโรคได้โดยไม่ต้องใช้ยา เช่น ไมเกรน ความดัน ปวดเมื่อย อัมพฤกษ์ อัมพาต และมีการพัฒนาจนสร้างงานสร้างอาชีพได้ทั้งในและต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการประกาศเป็นมรดกโลกแล้ว หมายความว่า ก็ต้องเปิดโอกาสให้ทั่วโลกสามารถเข้าถึงได้ แต่ก็ต้องมาพิจารณา วางแผนกันต่อว่าสามารถให้ได้แค่ไหนอย่างไร
ทั้งนี้ กรมฯ ได้จัดทำยุทธศาสตร์ชาติการส่งเสริมและพัฒนานวดไทย (ฉบับที่ 1) พ.ศ.2563-2565 ไว้แล้ว เมื่อยูเนสโกประกาศขึ้นทะเบียนแล้ว ก็สามารถขับเคลื่อนได้เลย หลักๆ จะเป็นเรื่องยกระดับมาตรฐานสถานที่ มาตรฐานผู้นวด ยกระดับโรงเรียนสอนนวดให้มีมาตรฐานสูงขึ้น โดยจะร่วมกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) กระทรวงแรงงาน เพื่อนำไปสู่การยกระดับค่าตอบแทนให้มากขึ้นตามมาตรฐานฝีมือ เช่น นวดรักษาก็ต้องมีมาตรฐานระดับหนึ่งที่สูงขึ้น ได้รับค่าตอบแทนชั่วโมงละเป็นพันบาท หรือนวดเพื่อสุขภาพก็เป็นอีกระดับ ค่าตอบแทนจะแตกต่างกันไป เป็นต้น จะทำให้การนวดไทยเป็นบริการที่มีคุณภาพ สร้างความเชื่อมั่นทั้งในและต่างประเทศ สืบสานการนวดไทยทั้งในประชาชนและชุมชน
“การขึ้นทะเบียนนี้จะครอบคลุมการนวดทั้งหมดที่มีอยู่ในไทย ซึ่งกรมฯ ได้จัดทำบิ๊กดาตาเกี่ยวกับการนวดไทยมาได้ระยะหนึ่งแล้วว่า มีการนวดอะไรบ้าง จากรึกอยู่ที่ไหน ผู้นวดเป็นใคร เป็นต้น คาดว่าต้นปี 2563 จะประกาศให้ทราบ เบื้องต้นข้อมูลที่มีการจารึกไว้ หรือที่มีอยู่ในสถานพยาบาล สถานประกอบการต่างๆ นั้นรวบรวมไม่ยาก แต่ที่ยังยาก คือ การนวดในชุมชุน ซึ่งกระจัดกระจายอยู่ อย่างตอนนี้ในเรื่องของผู้นวดในสถานพยาบาล ที่ทำการนวดเพื่อรักษามีประมาณ 1-2 หมื่นราย การนวดในร้านนวด สปา นวดเพื่อผ่อนคลาย อีกหลายหมื่นราย ส่วนการนวดในชุมชนคาดว่าจะมีนับแสนราย” นพ.ปราโมทย์ กล่าว