"อนุทิน" ซัดพวกตีกันใน รพ. เป็นอันธพาลกระจอก ถามกี่ครั้งแล้วที่ รพ.ต้องเสียหาย แพทย์ เจ้าหน้าที่บาดเจ็บ ทำงานไม่ได้ ผู้ป่วยเดือดร้อน ลั่น สธ.ดำเนินคดีผู้ก่อเหตุถึงที่สุด ด้าน รมช.สธ.เผยเตรียมเดินหน้าให้ รพ.เชื่อมระบบกับตำรวจ ให้แจ้งเรื่องได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุ พร้อมเพิ่มระบบรักษาความปลอดภัย
วันนี้ (11 พ.ย.) นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "อนุทิน ชาญวีรกุล" ถึงกรณีการเกิดเหตุทะเลาะวิวาททำร้ายร่างกายภานในโรงพยาบาล ว่า ช่วยกันจัดให้หนัก เราควรจะทำอย่างไร? กับอันธพาลกระจอก ที่ชอบยกพวกมาก่อเหตุทำร้ายร่างกาย ทะเลาะวิวาทในโรงพยาบาล กี่ครั้งแล้ว ที่ห้องฉุกเฉิน และโรงพยาบาล ต้องเสียหาย แพทย์ เจ้าหน้าที่ ต้องเสี่ยงบาดเจ็บ ทำงานไม่ได้ ทรัพย์สินโรงพยาบาล เครื่องมือแพทย์ เสียหาย ผู้ป่วยคนอื่นๆ เดือดร้อน
"ขอแบบเอาให้เข็ดหลาบ ไม่แสดงสันดานหยาบช้าป่าเถื่อนแบบนี้อีก ในสงคราม ยังเว้นพื้นที่ปลอดภัยให้โรงพยาบาล แพทย์ และ เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ แต่ในหัวใจอันธพาลกระจอกพวกนี้ ไม่มีอะไรเลย รวมทั้งคำสอนของพ่อแม่ แย่จริงๆ กระทรวงสาธารณสุข จะดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุให้ถึงที่สุด ไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างเลวร้าย อีกต่อไป"
ด้าน นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กรณีนี้ต้องอาศัยมาตรการป้องปราม โดยเริ่มจากการให้โรงพยาบาลทั่วประเทศมีการเตรียมความพร้อม เช่น มีระบบรักษาความปลอดภัยในห้องฉุกเฉินโดยทำประตู 2 ชั้น มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดทุกจุดของโรงพยาบาล และตรวจสอบกล้องวงจรปิดให้สามารถใช้งานได้ตลอดเวลา นอกจากนี้ ตนกำลังให้โรงพยาบาลทุกแห่งมีระบบเชื่อมต่อกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที เมื่อเกิดเหตุตีกันในโรงพยาบาลก็สามารถแจ้งเรื่องให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้โดยตรง เพื่อให้มีการนำกำลังมาระงับเหตุได้อย่างทันท่วงที เนื่องจากตำรวจเพียง 2-3 คนไม่สามารถ ระงับเหตุได้เพราะ มีผู้ก่อเหตุจำนวนมากจึงต้องมีการเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นการเฉพาะ
นายสาธิต กล่าวว่า นอกจากนี้ ขอย้ำว่ากรณีที่มีการก่อเหตุตีกันในโรงพยาบาลนั้นจะไม่มีการยอมความอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะอายุมากหรือน้อยก็จะให้ทำการส่งเรื่องฟ้องศาลเพื่อให้ดำเนินคดีกับทุกรายให้ถึงที่สุด ทั้งนี้ ตนได้ประสานกับทางผู้อำนวยการโรงพยาบาลอ่างทองแล้วให้เร่งดำเนินการแจ้งความส่งฟ้องศาลในกรณีที่มีการตีกันในโรงพยาบาล ทั้งนี้ยังได้มีการประสานกับทางศาลให้เพิ่มโทษสำหรับผู้ที่ก่อเหตุในโรงพยาบาลอีกด้วย โดยบทลงโทษจะรุนแรงแค่ไหนนั้นให้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล แต่ก็อยากให้เพิ่มโทษมากกว่ากรณีอื่นๆที่มีการบุกรุก หรือก่อเหตุใช้ความรุนแรงในสถานที่ราชการทั่วไป