xs
xsm
sm
md
lg

"บัตรทอง" ปรับระบบจ่ายค่าทำฟัน 3 รายการ "หญิงตั้งครรภ์-เด็กไทย" เพิ่มการเข้าถึง

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


บัตรทอง ปรับระบบการจ่ายค่าทำฟัน "หญิงตั้งครรภ์-เด็กไทย" 3 รายการ ทั้ตรวจช่องปาก เคลือบฟลูออไรด์ เคลือบหลุมร่องฟันกราม จากเหมาจ่ายป้องกันโรค เป็นจ่ายตามรายบริการ เชื่อเพิ่มการเข้าถึงบริการทันตกรรม

วันนี้ (24 ต.ค.) นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า บริการส่งเสริมสุขภาพช่องปากในเด็กไทยและหญิงตั้งครรภ์ เดิมเป็นงบเหมาจ่ายในหมวดส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรค อย่างไรก็ตาม ในปีงบประมาณ 2563 คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) เห็นชอบให้ปรับการจ่ายค่าบริการทันตกรรมส่งเสริมป้องกันโรคดังกล่าว มาเป็นการจ่ายชดเชยตามรายการบริการ (Fee Schedule) จำนวน 3 รายการ คือ 1.บริการตรวจและป้องกันสุขภาพช่องปากในหญิงตั้งครรภ์ ซึ่งเดิมเหมารวมอยู่ในงบบริการฝากครรภ์ มาเป็นจ่ายชดเชยตามรายการบริการ เพื่อให้หญิงตั้งครรภ์ได้รับการตรวจสุขภาพในช่องปาก ขัดและทำความสะอาดฟัน ขูดหินน้ำลาย อย่างน้อย 1 ครั้ง โดยอัตราการจ่ายชดเชยค่าบริการอยู่ที่ 500 บาท/ราย กำหนดเป้าหมาย 221,760 คน งบประมาณจำนวน 110.88 ล้านบาท  

2.บริการเคลือบฟลูออไรด์ในเด็กอายุ 4-12 ปี เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่ฟัน อย่างน้อย 1 ครั้งต่อปี อัตราการจ่ายชดเชยค่าบริการ 100 บาท/ครั้ง กำหนดเป้าหมาย 2,005,740 คน งบประมาณจำนวน 200.57 ล้านบาท  และ 3.บริการเคลือบหลุมร่องฟันกรามถาวร (ซี่ 6 และ 7) ในเด็กอายุ 6-12 ปี เพื่อป้องกันฟันแท้ผุ ในอัตรา 250 บาท/ซี่ ไม่เกิน 4 ซี่/ราย/ปี เป้าหมายบริการ 1,046,110 คน งบประมาณจำนวน 261.52 ล้านบาท

"การปรับปรุงการจ่ายค่าบริการดังกล่าว ทำให้หน่วยบริการทั้งโรงพยาบาลและโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) จะเบิกจ่ายชดเชยได้ตามการบริการ เชื่อว่าจะส่งผลให้มีการจัดบริการทันตกรรมส่งเสริมป้องกันเพิ่มขึ้นในทุกพื้นที่ ทำให้หญิงตั้งครรภ์และเด็กๆ ได้รับการดูแลสุขภาพช่องปากอย่างครอบคลุมและทั่วถึง ซึ่งปัญหาสุขภาพในช่องปากของเด็ก มีผลต่อพัฒนาการ โดยเด็กกว่า 50% ยังคงมีฟันผุ แต่ได้รับการตรวจฟันไม่ถึงครึ่งหนึ่ง ส่วนสุขภาพช่องปากของแม่ขณะตั้งครรภ์ หากช่องปากไม่ดี ฟันผุมาก ลูกจะมีความเสี่ยงเกิดฟันผุเพิ่มขึ้นถึง 5 เท่า และโรคเหงือกอักเสบและโรคปริทันต์ที่มีโอกาสพบมากในแม่ตั้งครรภ์ จะมีความเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนดและน้ำหนักลูกแรกเกิดน้อย" นพ.ศักดิ์ชัย กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น