ยกย่องในหลวง ร.๙ รัฐบาลนำศาสตร์พระราชามาใช้วางรากฐานประเทศ ด้านชาวปกาเกอญอ ช่วยกันรักษาผืนป่า
วันนี้ (15 ต.ค.) ที่ศูนย์มนุษยวิทยาสิรินธร หรือ ศมส. (องค์การมหาชน) นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เป็นประธานในการเปิดกิจกรรมเนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร กล่าวตอนหนึ่งว่า เป็นเวลาถึง 45 ปีแล้วที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงมีพระราชดำรัสหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่นำมาซึ่งการพัฒนาประเทศอย่างเป็นรูปธรรมจนถึงปัจจุบัน ไม่เพียงเกิดประโยชน์แก่พสกนิกรชาวไทยแต่ยังเป็นที่ประจักษ์ต่อนานาประเทศ โดยมีหลายประเทศได้น้อมนำไปใช้เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาประเทศเช่นเดียวกับประเทศไทยนำมาซึ่งความอยู่ดีกินดีเช่นเดียวกัน และนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ได้ทรงมีพระปฐมบรมราชโองการในการสืบสาน รักษา ต่อยอด เพื่อความสงบสุขของประเทศชาติ
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เกิดการสืบสานและการต่อยอดอย่างยั่งยืน รัฐบาลจึงน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และศาสตร์พระราชามาใช้ในการวางรากฐานประเทศในแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี สำหรับ วธ.ได้มอบหมายให้หน่วยงานในสังกัดโดยเฉพาะ ศมส.ที่มีองค์ความรู้ทั้งด้านประเพณี มรดกวัฒนธรรม ความเชื่อ กลุ่มชาติพันธุ์ ปราชญ์ชาวบ้าน สิ่งเหล่านี้ถือเป็นต้นทุนทางวัฒนธรรม สร้างผลิตภัณฑ์ที่บ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ รวมถึงกิจกรรมประเพณีที่มีความแตกต่างกันของภูมิภาคต่างๆ กิจกรรมท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม มาสร้างจุดขายที่สามารถนำมาต่อยอดสร้างเศรษฐกิจวัฒนธรรมสร้างสรรค์ สร้างรายได้ให้กับท้องถิ่น ตลอดจนการใช้ข้อมูลของ ศมส.ที่เป็นฐานข้อมูลดิจิตอลให้ทุกภาคส่วนได้นำมาไปใช้ประโยชน์ต่อไป
ด้าน นายบัญชา มุแฮ ศิลปินอิสระ ชาวปกาเกอญอ จ. ลำพูน กล่าวว่า ในหลวง ร.9 ทรงเปี่ยมด้วยพระเมตตา ในพื้นที่ทุรกันดารบนดอยมีราษฎรเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ ที่ เป็นชาวเขา ซึ่งแทบจะไม่มีหน่วยงานใดเข้าไปดูแล แต่ ในหลวง ร.9 เสด็จฯ เข้าไปเยี่ยมราษฎรชาติพันธุ์ทุกพื้นที่ และในวันที่ พระองค์สวรรคต คนที่อยู่บนดอยโศกเศร้าเสียใจไม่น้อย กว่าคนเมือง และเมื่อตนได้กลับไปยังชุมชน ได้รับฟังคำบอกเล่าจาก ผู้เฒ่า ว่า ชาวเขา ต่างเห็นสิ่งมหัศจรรย์ เป็นพระจันทร์ ขึ้นบนท้องฟ้า 3 ดวง ซึ่งถือเป็นความเชื่อที่มีพลัง ส่งเสด็จพระองค์สู่สรวงสวรรค์
“ในหลวง ร. 9 สวรรคตแล้ว แต่พวกเราต่างมุ่งมั่นที่จะสืบสานพระราชปณิธานของพระองค์ โดยเฉพาะการดูแลผืนป่ากว่า 2 หมื่นไร่ในแผ่นดินไทย พวกเรา ทำพื้นที่รองน้ำฝนในป่าในช่วงหน้าฝน เพื่อเก็บนำไว้ใช้ปลูกพืชหมุนเวียน ทำแนวกันไฟ ไว้สำหรับดับไฟป่าด้วย การปลูกไร่หมุนเวียนจะไม่ใช้สารเคมี พวกเราทำหน้าที่ดูแลผืนป่า ดูแลต้นน้ำ ซึ่งไม่ใช่แค่พวกเรา แต่หมายถึง เพื่อคนทั้งโลก พวกเราทำตามสิ่งที่พระองค์ทรงมีรับสั่ง ว่า ทำอะไรทำให้ได้และสนุกไปด้วย ถึงแม้ว่าการทำงานบางครั้งอาจเสี่ยงอันตรายบ้าง แต่พวกเรา ก็ทำงานสนุก ทำอย่างรอบคอบ และระมัดระวัง” นายบัญชา กล่าว