“หมอธีระวัฒน์” แฉพาราควอตจัดโปรฯ ขายเกษตรกร ระบายสต๊อก ขออย่าซื้อ หากแบนจะใช้ไม่ได้อีก และต้องทำลายหรือส่งคืนโดยไม่ได้เงิน ยันสารพิษทำเซ็กซ์เสื่อม มีบุตรยาก ส่งผลทารกในครรภ์
วันนี้ (9 ต.ค.) ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และที่ปรึกษา รมว.สธ. กล่าวว่า เรามีหลักฐานชัดว่าสารเคมีทั้ง 3 ชนิด มีผลต่อการเกิดโรค ทั้งโรคเนื้อเน่า มะเร็ง พาร์กินสัน ทั้งทางตรง ทางอ้อม และเฉียบพลัน จนมีผู้ป่วยและเสียชีวิตจากการใช้สารเคมี นอกจากนี้ จากการตรวจเลือดประชาชนใน จ.นครราชสีมา พบร้อยละ 42 มีสารเคมีปนอยู่ในเลือด ทั้งที่ไม่ใช่เกษตรกร และพบว่าน้ำประปาในหมู่บ้านพบสารเคมีอันตรายปนเปื้อน ดังนั้น ในการประชุมคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการควบคุมการใช้สารเคมี เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา จึงได้มีมติยกระดับสารเคมีทั้ง 3 ชนิด เป็นวัตถุอันตรายประเภท 4 เทียบเท่าลูกระเบิด ซึ่งตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 2562 สารเคมีทั้ง 3 ชนิด จะห้ามผลิต นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองเด็ดขาด อย่างไรก็ตาม ขณะนี้พบว่า พาราควอตมีการจัดโปรโมชันส่งเสริมการขายให้เกษตรกรซื้อในปริมาณมาก โดยแถมถุงผ้า เห็นได้ชัดว่ามีความพยายามที่จะขายระบายสต๊อก
“ขอเตือนเกษตรกรว่าไม่ต้องซื้อสารเคมีทั้ง 3 ชนิดเก็บไว้ เพราะหากมีมติแบนสารเคมีแล้วตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.เป็นต้นไปจะไม่สามารถใช้สารทั้ง 3 ชนิดได้อีก ต้องทำลายทิ้ง และไม่ใช่การเททิ้งลงแม่น้ำ ต้องมีการทำลายอย่างถูกวิธี หรือส่งคืนโดยไม่ได้รับเงินชดเชย อย่างไรก็ตาม เมื่อมีมติชัดเจนแล้ว บริษัทไม่สามารถมาฟ้องไทยได้ ดังนั้น กรณีแบนสารเคมีนี้ไทยจะไม่มีการเสียค่าโง่แน่นอน” ศ.นพ.ธีระวัฒน์กล่าว และว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุด คือ สารเคมีทั้ง 3 ชนิดส่งผลกระทบต่อหญิงตั้งครรภ์ เพราะจากข้อมูลทางวิชาการทั้งในและต่างประเทศสอดคล้องกันว่าหญิงตั้งครรภ์ทั้งในพื้นที่และนอกพื้นที่เกษตรต่างได้รับสารพาราควอต แม้ในปริมาณที่ต่างกัน แต่สารเคมีมีผลต่อทารกในครรภ์ กระทบต่อพัฒนาการด้านร่างกาย และทำให้สเปิร์มและฮอร์โมนเพศชายลดลง ส่งผลให้เกิดปัญหาภาวะมีบุตรยาก รวมถึงความต้องการทางเพศลดลง