เครือข่ายผู้หญิง ชี้อาชีพพริตตี อาชีพเกี่ยวข้องแอกฮอล์ สุ่มเสี่ยงถูกคุกคามทางเพศ ข่มขืน ระบุกรณี "ลันลาเบล" สะท้อนปัญหาชายเป็นใหญ่ มองผู้หญิงวัตถุทางเพศ ดึงผู้หญิงเข้าหาโดยใช้เงิน รับทางเลือกประกอบอาชีพผู้หญิงยังน้อย วอนอย่ามองทำอาชีพอย่างนี้สมควรโดน ต้องแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง
วันนี้ (24 ก.ย.) นายจะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวถึงกรณีการเสียชีวิตของ น.ส.ธิติมา นรพันธ์พิพัฒน์ หรือลันลาเบล พริตตีสาว ว่า กรณีนี้สะท้อนหลายเรื่อง จากการเก็บข้อมูลของมูลนิธิฯ พบว่า ทุกอาชีพมีความเสี่ยงที่จะเกิดความรุนแรงได้ทั้งสิ้น แต่อาชีพพริตตี รวมถึงบางอาชีพมีความสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดความรุนแรงค่อนข้างสูง เพราะมีการใช้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้ามาเกี่ยวข้อง เคสคุกคามทางเพศ เคสข่มขืน ล้วนมีปัจจัยมาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งสิ้น นอกจากนี้ ที่เห็น คือ ทัศนคติเรื่องชายเป็นใหญ่ และใช้อำนาจเงินซื้อบริการแบบนี้มาตอบสนองตัวเอง โดยเห็นผู้หญิงเป็นเพียงวัตถุทางเพศเท่านั้น ยังมีเคสเยอะไปหมด เพราะ 1.การปลูกฝังทัศนคติชายเป็นใหญ่ ยังมีอยู่ในสังคมอีกมาก อย่างกรณีนี้จะเห็นว่าเป็นคนรุ่นใหม่ แต่ยังใช้วิธีการดึงผู้หญิงเข้ามาโดยใช้เงิน 2.การบ่มเพาะทั้งครอบครัว การศึกษา สังคม ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง แม้กระทั่งในละครปัจจุบันยังมีฉากข่มขืนแล้วกลับมารักกันได้อีก แสดงว่าวิธีแบบนี้ทำให้ปัญหาความรุนแรงทางเพศไม่ได้ดีขึ้น
นายจะเด็จ กล่าวว่า นอกจากนี้ เราจะเห็นว่าทางเลือกในการประกอบอาชีพของผู้หญิงมีน้อยมาก เพราะมีบางบริษัทที่มีข้อแม้ในการรับผู้หญิงเข้าทำงาน เช่น ต้องโสด ต้องไม่มีลูก เป็นต้น ทำให้ผู้หญิงไม่มีทางเลือกมากนัก เข้าใจว่าผู้หญิงอาจจะไม่ได้อยากจะทำอาชีพบางอย่าง แต่ภาระความรับผิดชอบ การต้องดูแลครอบครัว และไม่มีมีช่องทางหารายได้ที่ เลยมาทำอาชีพเสี่ยงๆ ปัญหานี้จึงเป็นปัญหาใหญ่พอสมควร อีกอันหนึ่งที่ชี้ให้เห็นคือปัจจุบันผู้หญิงต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในครอบครัวมากขึ้น แสดงว่าผู้ชายเริ่มจะมีปัญหาการรับผิดชอบครอบครัว ต้องให้ผู้หญิงต้องถีบตัวเองขึ้นมา ต้องหาเงินให้ได้เยอะๆ
“ปัญหาวันนี้อาจจะแย่ลง เพราะสถิติฆ่าข่มขืนยังมีอยู่ ตัวเลขคุกคามทางเพศยังสูง แล้วยังมีอาชีพที่สุ่มเสี่ยงอีกมากที่สะท้อนว่าสังคมไม่ได้ไปคุ้มครองเขาเลย การมองว่าไปทำอาชีพนี้เองก็สมควรโดน วิธีคิดแบบนี้ไม่ถูก เพราะนี่เป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง ผู้หญิงอาจจะไม่ได้อยากจะทำอาชีพนี้ แต่ที่ทำเพราะไม่มีทางเลือก ดังนั้น หากเกิดกรณีแบบนี้ สังคมต้องตั้งคำถามก่อนเพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างเรื่องการมีงานทำที่หลากหลาย ปัญหาทัศนคติชายเป็นใหญ่ ต้องเด็กรุ่นใหม่ต้องถูกอบรมเรื่องนี้ต้องแต่ระดับครอบครัว โรงเรียน และสังคม ลูกผู้ชายต้องมีความยับยั้งชั่งใจ ไม่ทำร้ายผู้อื่น รู้จักการให้เกียรติผู้อื่น ผู้หญิงเองก็เช่นกัน ต้องรู้จักปกป้องตัวเอง ให้เกียรติผู้อื่นด้วย คือทุกฝ่ายต้องไม่ใช้ความรุนแรง” นายจะเด็จกล่าว