อภ.ลั่นจัดส่ง "สารสกัดกัญชา" ที่เหลืออีก 2 สูตร 2 พันขวดให้กรมการแพทย์และ 12 รพ.ได้ สิ้น ส.ค.นี้ก่อนเริ่มปลูกกัญชารอบที่ 2 เน้นสูตรซีบีดีสูง คาด ธ.ค.ได้อีก 1 หมื่นขวด พร้อมร่วม ม.แม่โจ้ลุยปลูกกัญชา 1.2 หมื่นต้นกลาง ก.ย.นี้ ได้ผลผลิตหลักแสนถึงล้านขวด เผยรับงบ 120 ล้านบาทเร่งปรับปรุงอาคารปลูกระดับกึ่งอุตสาหกรรมในปีหน้า
วันนี้ (28 ส.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น. ที่โรงแรมอีสติน แกรนด์ สาทร นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าของการจัดส่งสารสกัดกัญชาทางการแพทย์ ภายในการประชุมมุมมองหลากมิติของการกำหนดทิศทางกัญชาทางการแพทย์ ว่า สารสกัดกัญชาสูตรทีเอชซีสูงจำนวน 4,500 ขวด อภ.จัดส่งให้แก่กรมการแพทย์และ 12 โรงพยาบาลที่เปิดให้บริการคลินิกกัญชาทางการแพทย์ครบทั้งหมดแล้ว ส่วนสารสกัดกัญชาสูตรซีบีดีสูงจำนวน 500 ขวด และสูตรหนึ่งต่อหนึ่งอีก 1,500 ขวด อยู่ในกระบวนการ ซึ่งยืนยันว่าภายในสิ้นส.ค.หรือสัปดาห์หน้าจะสามารถจัดส่งสารสกัดกัญชาส่วนที่เหลือให้แก่กรมการแพทย์และโรงพยาบาลทั้งหมดได้อย่างแน่นอน และหลังจากนี้ก็จะเริ่มปลูกกัญชาทางการแพทย์ในขอบที่ 2 ต่อทันที ซึ่งจะเน้นการปลูกสูตรซีบีดีสูงเพิ่มขึ้น เนื่องจากสูตรซีบีดีสูงมีความเข้มข้นสูง ผลิตได้น้อย จึงจะเน้นในส่วนนี้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาการปลูกครั้งแรก อภงปลูกสูตรซีบีดีเพียง 1 ใน 3 ดังนั้น ในครั้งที่ 2 นี้ก็จะเพิ่มขึ้นอีกเป็น 2 ใน 3 โดยคาดว่าจะใช้เวลา 4 เดือน หรือจะได้ผลผลิตออกมาในช่วง ธ.ค.นี้ ประมาณอีก 10,000 ขวด
นพ.วิฑูรย์ กล่าวว่า สำหรับระยะต่อไป อภ.จะขยายการปลูกในระดับกึ่งอุตสาหกรรม โดยขยายพื้นที่ในการปลูกแบบอินดอร์ให้เพิ่มมากขึ้นเป็น 1,000 ตารางเมตร ในพื้นที่โรงงานผลิตยารังสิตที่คลอง 10 จ.ปทุมธานี ซึ่ง อภ.ได้รับอนุมัติงบประมาณจากสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) แล้ว 120 ล้านบาท โดยอยู่ระหว่างกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างเพื่อเข้าทำการปรับปรุงอาคารสถานที่ให้มีความพร้อมในการปลูกกัญชาทางกทรแพทย์ โดยต้นปี 2563 น่าจะเริ่มดำเนินการปลูกได้ ซึ่งคาดว่าจะได้ผลผลิตเพิ่มขึ้น 10 เท่า หรือประมาณ 1 แสนขวด รวมถึงยังมีการร่วมมือกับกรมการแพทย์และมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ในการปลูกกัญชาทางการแพทย์ ซึ่งเมื่อวันที่ 26 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้รับใบอนุญาตการปลูกจากคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษแล้ว คาดว่าจะสามารถเริ่มปลูกได้ภายในกลางเดือน ก.ย.นี้ ซึ่งในเรื่องของอาคารสถานที่และระบบความปลอดภัยมีความพร้อมแล้ว โดยการปลูกจะเป็นสายพันธุ์ไทยทั้งหมด ซึ่งปกติจะมีทีเอชซีสูงอยู่แล้ว แต่ก็จะมีการปลูกพันธุ์ไทยที่ให้ซีบีดีสุงและสูตรหนึ่งต่อหนึ่งด้วย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมเมล็ดพันธุ์ เพื่อปลูกจำนวน 12,000 ต้น ก็จได้ประมาณหลักแสนถึงล้านขวด
เมื่อถามถึงกรณีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ประสานให้ อภ.จัดส่งตำรับยาศุขไสยาศน์และทำลายพระสุเมรุให้แก่ 13 โรงพยาบาลที่เปิดคลินิกกัญชาทางการแพทย์แผนไทยในวันที่ 28 ส.ค. นพ.วิฑูรย์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้มีการจัดส่ง แต่ยังอยู่ในขั้นตอนการหารือกันว่า จะดำเนินการจัดส่งอย่างไรถึงมีความปลอดภัย เพราะสิ่งที่จัดส่งถือว่าเป็นยาเสพติด ต้องมีระบบควบคุมกำกับติดตาม อย่างการจัดส่งสารสกัดกัญชาสูตรทีเอชซีสูง ก็จะมีการติดตามผ่านกล้องวงจรปิด การใช้ระบบจีพีเอสต่างๆ ซึ่งทุกอย่างต้องได้มาตรฐานทั้งหมด
นพ.วิฑูรย์ กล่าวว่า สำหรับการประชุมในวันนี้ มีการเชิญนายมาร์ติน วูดบริดจ์ นักเภสัชวิทยา ผู้เชี่ยวชาญด้านกัญชาทางการแพทย์จากประเทศนิวซีแลนด์ และเป็นผู้เขียนลักเกณฑ์คู่มือกัญชาทางการแพทย์ของประเทศนิวซีแลนด์ มาเป็นวิทยากรและร่วมแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ในการดำเนินการกัญชาทางการแพทย์ของประเทศไทย เนื่องจากขณะนี้ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในอาเซียนที่ขับเคลื่อนกัญชาทางการแพทยื จึงเป็นที่จับตาของทั่วโลกว่าจะมีการดำเนินการอย่างไรเกี่ยวกับการรับผิดชอบต่อสังคม ความปลอดภัยผู้ป่วย ด้วยการสร้างแนวทางการใช้ประโยชน์กัญชาทางการแพทย์ให้ได้มาตรฐานระดับโลก และจะถอดบทเรียนนำผลสรุปเสนอต่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ต่อไป
