กรมแพทย์แผนไทย ปรับสูตรความเข้มข้น "น้ำมันเดชา" จาก 3% เป็น 1% ช่วยผลิตเพิ่มเป็นล้านขวด เผย อ.เดชาเห็นด้วย ช่วยปรับขนาดให้เหมาะสมกับแต่ละคนได้ จ่อเชิญ 13 รพ.หารือสัปดาห์หน้า ทำมาตรฐานติดตามผูป่วย ดูข้อบ่งชี้ ข้อควรระวัง เล็งประสาน ป.ป.ส.ขอของกลางเพิ่ม 3 ตัน แบ่งผลิตน้ำมันเดชา 2 ตัน และ 16 ตำรับยาไทยอีก 1 ตัน
วันนี้ (22 ส.ค.) นพ.มรุต จิรเศรษฐสิริ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงความคืบหน้าการเตรียมจ่ายยากัญชาทางการแพทย์แผนไทย ว่า ยืนยันว่าในช่วงต้นเดือน ก.ย.นี้ โรงพยาบาลที่ให้บริการแพทย์แผนไทยจำนวน 13 แห่ง จะสามารถเปิดคลินิกและให้บริการยากัญชาทั้งสองตำรับได้ คือ น้ำมันกัญชาสูตรนายเดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ และตำรับศุขไสยาศน์ ซึ่งตำรับศุขไสยาศน์ขณะนี้ผลิตได้แล้วประมาณ 5,500 ขวด เตรียมที่จะกระจายไปยังโรงพยาบาลในต้น ก.ย.นี้ ส่วนน้ำมันเดชามีการหารือว่าจะปรับสูตรการผลิตจากความเข้มข้น 3% ที่จะผลิตได้ประมาณ 6 แสนขวด เป็นความเข้มข้น 1% ก็จะผลิตได้กว่าล้านขวด
"การผลิตน้ำมันเดชาด้วยความเข้มข้นของสารสกัดกัญชา 1% ตรงนี้ไม่ต้องกังวล เพราะมีการปรึกษากับทาง อ.เดชาแล้ว ซึ่งการทำให้เจือจางลงเป็นข้อดี เพราะจะใช้ได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น แต่อาจจะต้องมีการใช้ปริมาณที่เพิ่มขึ้น หรือต้องเพิ่มโดสขึ้น ซึ่ง อ.เดชาบอกว่าความเข้มข้นไม่สำคัญ สำคัญคือการปรับขนาดให้เข้ากับผู้ป่วยแต่ละคน เพราะแต่ละคนสามารถรับแคนาบินอยด์ได้ต่างกัน การปรับความเข้มข้นให้เจือจางลงหรือมีความละเอียดมากขึ้น ก็น่าเป็นประโยชน์ต่อคนไข้ และการรับน้ำมันมะพร้าวเพิ่มขึ้นก็ไม่ได้มีผลเสียอะไร" นพ.มรุต กล่าว
นพ.มรุต กล่าวว่า สำหรับ 13 โรงพยาบาลที่ให้บริการการแพทย์แผนไทย ขณะนี้มีความพร้อม เพราะทั้งแพทย์แผนปัจจุบัน แพทย์แผนไทย แพทย์แผนไทยประยุกต์ ก็ผ่านการอบรมหลักสูตรกัญชาทางการแพทย์แล้ว ซึ่งในช่วงสัปดาห์หน้า คาดว่าวันที่ 26-27 ส.ค. จะเชิญผู้บริหารทั้ง 13 โรง มาหารือว่าจะมีการเตรียมอย่างไร ทำอย่างไร ข้อบ่งชี้ข้อบ่งใช้เป็นอย่างไร ข้อควรระวังต่างๆ เช่น อาการแพ้ คนตั้งครรภ์ อายุน้อย เป็นต้น เพราะยามีทั้งบวกและลบ อย่างยารักษาหัวใจเต้นผิดจังหวะ ก็มีฤทธิ์ด้านอื่นทำร่างกายแย่ด้วย ยาแก้ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ก็มีอันตรายต่อไขกระดูก ระคายเคืองกระเพาะอาหาร ยากัญชาก็เช่นกันจึงต้องรู้ข้อบ่งใช้และข้อควรระวัง ซึ่งน้ำมันเดชา จะใช้ตามข้อบ่งใช้ตามที่ อ.เดชาว่าไว้ คือ คนที่ลงทะเบียนไว้กับ อ.เดชา รวมถึงคนที่มีกลุ่มอาการเดียวกันแต่ไม่ได้ลงทะเบียน ก็น่าจะรองรับได้ ส่วนใหญ่ คือ นอนไม่หลับ เจ็บป่วยไม่สบายจากโรคลมต่างๆ มะเร็งระยะสุดท้าย ที่ต้องการยาให้ไม่คลื่นไส้อาเจียน ช่วยอยากอาหาร แข็งแรงขึ้น นอนหลับได้ เป็นต้น
"การเชิญทั้ง 13 โรงมาหารือก็เพื่อพูดคุยและทำมาตรฐานเดียวกัน เพราะคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษ บอกว่าต้องทำเชิงวิจัย ดังนั้น ผู้รับน้ำมันเดชาต้องให้ความร่วมมือกับเราในการติดตามดูแลว่า รับไปแล้วมีผลข้างเคียงอะไร อาการดีอย่างไร ลดอาการอย่างไร ซึ่งใครจะร่วมโครงการซึ่งเป็นเชิงวิจัยจำเป็นต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ส่วนระบบรายงานจะร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และสำนักปลัด สธ." นพ.มรุต กล่าว
นพ.มรุต กล่าวว่า สำหรับการผลิตยากัญชาทางแพทย์แผนไทยเพิ่มขึ้นนั้น กรมฯ อยู่ระหว่างประสานไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เพื่อขอกัญชาของกลางอีก 3 พันกิโลกรัม แบ่งเป็น 2 พันกิโลกรัมใช้ในการผลิตน้ำมันเดชาเพิ่มเติม และอีก 1 พันกิโลกรัม จะขอนำมาผลิตยาแผนไทยที่มีกัญชาผสม 16 ตำรับ เพื่อให้โรงพยาบาลทางการแพทย์แผนไทย 7 แห่งดำเนินการผลิตและกระจายไปยังแต่ละพื้นที่ ซึ่งก็จะพอดีกับการปลูกกัญชา ซึ่งกรมฯ ร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) อีสาน ปลูกไปเมื่อ 1-2 เดือนที่ผ่าน ในการนำมาผลิตเพิ่มเติมได้ ทั้งใบที่สามารถนำมาใช้ผลิตตำรับศุขไสยาศน์ ตำรับไฟอาวุธ เป็นต้น เพราะทางแพทย์แผนไทยใช้ได้ทั้งใบและช่อดอก และคาดหวังว่าเมื่อผลิตได้มากขึ้น ก็จะนำมาผลิตเครื่องยาผสมกัญชากลางสำหรับ 16 ตำรับ เพื่อให้แพทย์แผนไทย แพทย์แผนไทยประยุกต์ และหมอพื้นบ้าน ปรุงยาเฉพาะรายได้ ให้เหมาะกับธาตุตามร่างกายของผู้ป่วยแต่ละคน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โรงพยาบาลที่จะผลิต 16 ตำรับหลังได้ของกลางเพิ่มเติม 1 พันกิโลกรัม คือ 1.รพ.เด่นชัย จ.แพร่ 2.รพหนองฉาง จ.อุทัยธานี 3.รพ.ดอนตูม จ.นครปฐม 4.รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี 5.รพพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร จ.สกลนคร 6.รพ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ 7.รพ.ท่าฉาง จ.สุราษฎร์ธานี
