xs
xsm
sm
md
lg

สธ.เตือนนักวิ่งมาราธอน ตรวจประเมินสุขภาพก่อนแข่ง หลังดับ 2 รายซ้อน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


สธ.เตือนนักวิ่งมาราธอน ประเมินความพร้อมร่างกายก่อนแข่ง ควรตรวจสุขภาพประจำทุกปี พักผ่อนให้เพียงพอก่อนวิ่ง ย้ำตามมาตรฐานต้องจัดหน่วยพยาบาล จุดพยาบาลประจำ เพื่อช่วยเหลือทันท่วงที เผยภาวะหัวใจล้มเหลวเกิดได้แม้ในคนที่แข็งแรง ออกกำลังกายประจำ

วันนี้ (19 ส.ค.) นพ.สุขุม กาญจพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีนักวิ่ง 2 รายเสียชีวิตในงานวิ่งขนายมาราธอน ครั้งที่ 9 ที่จ.กาญจนบุรี เมื่อวันที่ 18 ส.ค.ที่ผ่านมา ว่า สธ.สนับสนุนให้คนไทยออกกำลังกาย ซึ่งการวิ่งเป็นการออกกำลังกายที่ได้รับความนิยมอย่างมาก แต่ผู้ชายที่มีอายุ 40 ปี และผู้หญิงอายุ 50 ปีขึ้นไป ขอให้ไปตรวจสุขภาพประจำทุกปี ประเมินภาวะและความเสี่ยงสุขภาพ หรือโรคต่างๆ เพื่อให้ออกกำลังกายได้อย่างเหมาะสม ปลอดภัย โดยเฉพาะนักวิ่งมาราธอนที่ต้องวิ่งต่อเนื่อง ระยะทางไกล จะต้องผ่านการฝึกซ้อมอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ร่างกายปรับตัวให้พร้อมกับกิจกรรมทางกายที่มีความเข้มข้นสูงและนาน มีการตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี ประเมินร่างกาย และต้องเตรียมร่างกายให้มีความพร้อมก่อนวิ่งทั้งระบบกล้ามเนื้อ ระบบไหลเวียนโลหิตและหายใจ เพื่อป้องกันอาการหน้ามืด หายใจไม่ออก แน่นหน้าอก เจ็บกล้ามเนื้อ รวมถึงหมดสติและหัวใจหยุดเต้นได้ นักวิ่งจึงควรทานอาหารคาร์โบไฮเดรตให้มากขึ้นก่อนวิ่ง 1 วัน พักผ่อนให้เพียงพอ งดดื่มสุรา และเช้าวันวิ่งควรทานอาหารที่ไม่หนัก เช่น นม กล้วย นอกจากนี้ ควรเตรียมตัวและอุปกรณ์ป้องกันแสงแดด เช่น หมวก แว่นตากันแดด ครีมกันแดด

พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สำหรับรายแรกเป็นชาย อายุ 40 ปี เกิดล้มศีรษะฟาดพื้น มือเท้าเขียว ตัวเย็น ถือเป็นอุบัติเหตุ ที่ควรระมัดระวัง รายที่สองเป็นอดีตนายทหารยศพันตรี อายุ 61 ปี หลังวิ่งเข้าเส้นชัย มีอาการเหนื่อย แน่นหน้าอก เมื่อนั่งพัก จากนั้นไม่รู้สึกตัว ผู้ป่วยทั้งสองรายถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา การเสียชีวิตของผู้ป่วยรายที่สอง จะต้องไปดูว่า ปกติออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องเป็นประจำ หรือมีโรคประจำตัว อาการผิดปกติทางร่างกายเป็นต้นทุนเดิม ก่อนลงวิ่งมาราธอนหรือไม่

“การวิ่งมาราธอนมีข้อควรระวังสำหรับนักวิ่งอยู่แล้ว โดยเฉพาะในช่วงกลางและช่วงปลายก่อนถึงเส้นชัย จะต้องมีการหยุดพัก หรือผ่อนความเร็วในการวิ่งให้เบาลงทีละน้อย เพราะเป็นช่วงที่กล้ามเนื้อและหัวใจจะทำงานอย่างหนัก บางรายสามารถเกิดภาวะหัวใจทำงานไม่ปกติ เพียงในระยะสั้นก็ทำให้หัวใจขาดเลือด อาจเกิดอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก เจ็บกล้ามเนื้อ รวมถึงหมดสติและหัวใจหยุดเต้นได้ จึงขอเตือนขณะวิ่ง หากสังเกตเห็นความผิดปกติของร่างกาย ไม่ควรฝืนเพื่อวิ่งเข้าสู่เส้นชัย ควรขอรับการช่วยเหลือจากทีมแพทย์ปฐมพยายามโดยเร็ว ซึ่งภาวะนี้สามารถเกิดขึ้นได้ แม้ในผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรง และออกกำลังกายอย่างเป็นประจำต่อเนื่อง” พญ.พรรณพิมล กล่าว

พญ.พรรณพิมล กล่าวว่า การจัดงานวิ่งมาราธอน จะต้องมีหน่วยแพทย์ รถพยาบาล ประจำตลอดการแข่งขัน รวมถึงจุดพยาบาลตลอดเส้นทาง โดยเฉพาะช่วงกลางและปลายของการวิ่ง ซึ่งมีความเสี่ยงสูงว่าอาจมีผู้บาดเจ็บ เมื่อมีผู้ได้รับบาดเจ็บ ทีมแพทย์ฉุกเฉินจะสามารถเข้าไปช่วยเหลือและปฐมพยาบาลได้อย่างทันท่วงที เช่น การปั๊มหัวใจด้วยวิธีซีพีอาร์ (CPR) เป็นต้น โดยการกำหนดให้มีหน่วยแพทย์ในการแข่ง เพื่อให้ได้มาตรฐานการจัดกิจกรรม กรมอนามัย กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น สมาคมวิ่งเพื่อสุขภาพ ได้เห็นชอบให้จัดทำมาตรฐานการวิ่งขึ้นใหม่และประกาศใช้แล้ว โดยเงื่อนไขใหม่ ผู้ขอจัดกิจกรรมวิ่งจะต้องมีหน่วยปฐมพยาบาลเคลื่อนที่ รถพยาบาล รถฉุกเฉิน ตลอดจนการดูแลอาหารและน้ำดื่มให้เพียงพอ

พญ.พรรณพิมล กล่าวว่า ข้อแนะนำทั่วไปสำหรับการออกกำลังกายด้วยการวิ่ง คือ 1.ต้องเตรียมก่อนถึงวันวิ่ง โดยการออกกำลังกาย หรือซ้อมมาก่อน 2.แนะนำให้เตรียมความพร้อมร่างกาย เช่น การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อให้ร่างกายพร้อม ซึ่งการจัดวิ่งมาราธอนส่วนใหญ่จะเป็นช่วงเช้า การไม่ทานอาหารมื้อดึก ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ และการดื่มน้ำให้เพียงพอ 3.การเลือกสวมเสื้อผ้าและรองเท้าที่เหมาะสมกับประเภทการออกกำลังกาย และ 4.ระยะที่วิ่ง ควรลดความเร็ว หรือหยุดพัก เพื่อไม่ให้ร่างกายออกแรงหนักมากเกินไป โดยยึดความรู้สึกของผู้วิ่งเป็นหลัก พร้อมสังเกตร่างกายตนเอง ว่ามีอาการผิดปกติหรือไม่ ความเหนื่อย ความอ่อนล้า หากไม่มั่นใจให้รีบขอความช่วยเหลือยังจุดปฐมพยาบาลทันที สำหรับการออกกำลังกายเป็นเรื่องที่ดี แต่จะต้องเตรียมตัวให้ร่างกายมีความพร้อม โดยคำนึกถึงสุขภาพเป็นหลัก


กำลังโหลดความคิดเห็น