xs
xsm
sm
md
lg

คาดจ่ายยาผู้ป่วยที่ "ร้านยา" 1 ต.ค.นี้ ใน 4 โรค นำร่อง 50 รพ. 500 ร้านยาคุณภาพ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


"อนุทิน" เคาะผู้ป่วยรับยาร้านขายยา นำร่อง รพ. 50 แห่ง 500 ร้านยาคุณภาพ ในยา 4 โรค เบาหวาน ความดัน หอบหืด จิตเวช ครอบคลุม 40% ของผู้ป่วย เชื่อช่วยลดแออัด เผย 3 แนวทางจัดยาที่ร้านยา เตรียมสรุปอีกครั้งเร็วๆนี้ ก่อนเสนอบอร์ด สปสช. ก.ย. คาดเริ่มได้ใน 1 ต.ค.นี้

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) กล่าวว่า จากการประชุมคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์ สปสช. วาระพิเศษ เมื่อวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา เพื่อหารือถึงแนวทางการบริหารจัดการเพื่อลดเวลาการเข้ารับบริการของผู้ป่วยที่โรงพยาบาลด้วยการจัดบริการรับยาที่ร้านขายยาคุณภาพ เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ป่วยแล้วยังลดความแออัดในโรงพยาบาล มีข้อสรุปเบื้องต้นจะนำร่องในโรงพยาบาล 50 แห่ง และร้านยาคุณภาพ 500 แห่งทั่วประเทศ จำกัดการจ่ายยาเฉพาะ 4 โรค ได้แก่ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หอบหืด และจิตเวช ซึ่งเป็นกลุ่มโรคเรื้อรังที่ผู้ป่วยต้องได้รับยาต่อเนื่อง รวมจำนวนอยู่ที่ร้อยละ 40 ของผู้ป่วยที่เข้ารับบริการในโรงพยาบาล โดยผู้ป่วยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ เพิ่มเติม

นายอนุทิน กล่าวว่า การดำเนินการได้ออกแบบไว้ 3 ทางเลือก คือ 1.โรงพยาบาลเป็นผู้จัดยาและส่งยาไปที่ร้านยาคุณภาพเพื่อจ่ายยาให้กับผู้ป่วย ซึ่งเป็นระบบเดียวกับที่ รพ.ศิริราชดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน สามารถลดความแออัดใน รพ.ได้ แต่ไม่ลดภาระงาน 2.นำยาไปสำรองไว้ที่ร้านยาคุณภาพ และให้เภสัชกรร้านยาเป็นผู้จัดยาตามใบสั่งแพทย์ เสมือนเป็นห้องจ่ายยาย่อยของ รพ. ที่ต้องมีระบบจัดการคลังยา และ 3.ร้านยาคุณภาพเป็นผู้จัดซื้อยาและสำรองยาในการจ่ายยาให้กับผู้ป่วยเอง โดย รพ.เป็นผู้ตามจ่ายค่ายาให้ร้านยาคุณภาพ อย่างไรก็ตาม ในการดำเนินการจะมีการดูแลค่าใช้จ่ายบริหารจัดการของโรงพยาบาลและค่าใช้จ่ายของร้านยาคุณภาพในการจัดส่งยาให้กับผู้ป่วยที่จะจัดเพิ่มขึ้น

นายอนุทิน กล่าวว่า ที่ประชุมจะมีการหารือเพื่อร่วมหาข้อสรุปอีกครั้งว่าจะเลือกแนวทางใด และจะนำเสนอต่อบอร์ด สปสช.วันที่ 2 ก.ย.2562 เพื่อเดินหน้า คาดว่าจะเริ่มได้ในวันที่ 1 ต.ค. 2562 นอกจากนั้นที่ประชุมยังได้หารือประเด็นด้านระเบียบหรือ กฎหมายที่อาจจะเป็นอุปสรรคในการทำงาน และจะมีการแก้ไขให้สามารถดำเนินการได้

“เรื่องนี้ประชาชนได้ประโยชน์ แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือ ความมั่นใจของผู้ป่วยต่อยาที่ได้รับจากร้านยาคุณภาพ จะต้องเป็นยาตัวเดียวกันเหมือนกับที่ได้รับจากโรงพยาบาล เป็นสิ่งที่ต้องระวัง ไม่เช่นนั้นจะส่งผลกระทบต่อความรู้สึกและสร้างความไม่มั่นใจให้กับผู้ป่วยได้ ส่วนกรณีหากจำเป็นต้องเปลี่ยนยาต้องเป็นการสั่งเปลี่ยนจากหมอหรือโรงพยาบาลเท่านั้น ไม่ใช่ร้านยาเปลี่ยนเอง และเมื่อระบบนี้เดินไปจุดหนึ่งเชื่อว่าจะมีร้านขายยาคุณภาพเข้าร่วมเพิ่มเติม” รมว.สาธารณสุข กล่าว

นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า หลังจากที่ได้เริ่มดำเนินการแล้วจะมีคณะทำงานติดตามและประเมินผลอีกครั้ง ร้านยาที่เข้าร่วมจำกัดเฉพาะร้านยา ขย.1 ที่เป็นร้านยาคุณภาพและมีเภสัชกรประจำทำหน้าที่จ่ายยา ผลที่เกิดขึ้นนอกจากการเพิ่มความสะดวกในการรับยาของผู้ป่วยแล้ว ยังต้องลดความแออัดผู้ป่วยในโรงพยาบาล รวมถึงการลดภาระให้กับโรงพยาบาล อย่างไรก็ตามนโยบายนี้ไม่บังคับให้ทุกโรงพยาบาลและผู้ป่วยต้องทำ เพราะโรงพยาบาลในต่างจังหวัดได้กระจายให้ผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูงรับยาที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) อยู่แล้ว ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับความสะดวกของผู้ป่วยและโรงพยาบาลเองว่าจะเลือกแบบใด จะรับยาที่ร้านขายยาหรือรับยาที่โรงพยาบาลเหมือนเดิม ทั้งนี้นโยบายนี้ยังสอดคล้องกับโครงการร้านยาชุมชนอบอุ่นที่ สปสช.ได้เดินหน้าแล้ว





กำลังโหลดความคิดเห็น