xs
xsm
sm
md
lg

คนรักหลักประกันฯ ทวงเงินนอกงบเหมาจ่ายคืน 676 ล.บาท หลัง สน.งบชง ครม.ต่ำกว่าที่ตกลง

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ ร้อง รบ.ชุดใหม่ ทวงเงินนอกงบเหมาจ่ายรายหัวคืน 676 ล้านบาท แฉสำนักงบฯ เสนอตัวเลขงบให้ ครม.ชุดก่อน ต่ำกว่าที่ตกลงต่อรองกัน หวั่นกระทบผู้ป่วย 4 กลุ่ม ทำเข้าไม่ถึงบริการ อาจถึงตาย หวัง "อนุทิน" ทำตามสัญญาช่วยคุยเรื่องเงิน ชี้ของเงินคืนแค่เล็กน้อย เทียบไม่ได้กับใช้งบกระตุ้น ศก.แจกเงินไปเที่ยวคนละ 1,500 บาท

วันนี้ (16 ส.ค.) ที่โรงแรมเซ็นทรา ศูนย์ราชการ กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ และเครือข่ายประชาชน 9 ด้าน ร่วมกันแถลงข่าวเรียกร้องของบนอกเหมาจ่ายรายหัว จำนวน 676 ล้านบาทคืน โดยนายนิมิตร์ เมียนอุดม ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ กล่าวว่า ข้อเสนองบขาขึ้นของกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) ปี 2563 ผ่านการคิดคำนวณถึงต้นทุนต่างๆ มาอย่างดีแล้ว ว่าเป็นตัวเลขที่จะให้บริการผู้ป่วยอย่างดีที่สุด โดยเมื่อมีการหารือต่อรองกันระหว่างฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งรองนายกรัฐมนตรี นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ของรัฐบาลชุดก่อน สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และสำนักงบประมาณ ก็ได้ตัวเลขที่จะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดที่ผ่านมาในวงเงินที่รับได้ทุกฝ่าย แต่เมื่อเสนอเข้า ครม. สำนักงบประมาณกลับเสนองบที่ต่ำกว่าข้อตกลงกันไว้ และ ครม.ก็เห็นชอบตามนั้น

นายนิมิตร์ กล่าวว่า งบบริการอื่นนอกงบเหมาจ่ายรายหัว เสนองบขาขึ้นที่ 17,261.2 ล้านบาท ต่อรองจนเห็นชอบกันที่ 16,824.3 ล้านบาท แต่ ครม.เห็นชอบที่ 16,148.09 ล้านบาท โดยหายไปถึง 676.21 ล้านบาท แบ่งเป็น ค่าบริการสาธารณสุขผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ หายไป 300 ล้านบาท ค่าบริการสาธารณสุขผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง หายไป 300 ล้านบาท ค่าบริการสาธารณสุขเพื่อควบคุมป้องกันความรุนแรงของโรคเรื้อรัง หายไป 26.34 ล้านบาท และค่าบริการผู้ป่วยติดบ้านติดเตียงที่มีภาวะพึ่งพิงในชุมชน หายไป 49.87 ล้านบาท

นายนิมิตร์ กล่าวอีกว่า ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พูดเมื่อวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา ว่า ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง) จะยังเหมือนเดิม และไม่มีการร่วมจ่าย และรัฐบาลชุดนี้บอกว่าอยากจะกระตุ้นเศรษฐกิจให้เงินลงไปสู่รากหญ้า โดยจะมีการแจกเงินให้ไปเที่ยวคนละ 1,500 บาท จำนวน 10 ล้านคนก็เป็นเงิน 1.5 หมื่นล้านบาทแล้ว คิดดูว่านี่จะเป็นปัญหาเอาเงินไปแจกให้คนไปเที่ยว เอาเงินไปเติมลงในบัตรคนจน แต่ว่ามาตัดเงินในระบบหลักประกันสุขภาพ ค่ารักษาพยาบาลของผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง ผู้ติดเชื้อเอชไอวี คนติดบ้านติดเตียง คนแก่ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง แบบนี้ถามว่าใช่หรือไม่ จึงเรียกร้องว่าต้องของบประมาณในส่วนนี้คืน ซึ่งจะเป้นการกะตุ้นเศรษฐกิจเพราะลงมาดูแลผู้ป่วยให้มีชีวิตที่ดีขึ้น สามารถไปทำงานได้ จ่ายภาษี และฝากว่า ขอให้ส่งเสริมการซื้อยา วัสดุอุปกรณ์ และตรวแล็บต่างๆ ภายในประเทศเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจตามที่นายอนุทินว่าไว้ด้วย

ภญ.ยุพดี ศิริสินสุข กรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า กลุ่มที่ถูกตัดงบประมาณออกไป เรียกว่าเป็นกลุ่มที่เปราะบางที่สุดของระบบหลักประกันสุขภาพฯ ถ้าไม่มีงบคนเหล่านี้อาจถึงแก่ชีวิตได้ ทั้งที่การเจรจาเริ่มต้นที่มีสำนักงบประมาณ รมว.สธ. สปสช. ก็มีตัวเลขตกลงกันแล้ว แต่พอเสนอ ครม.กลับตัดงบประมาณลงไปอีก ตัดงบกันเหมือนไปซื้อกับข้าวในตลาดแล้วต่อราคา ซึ่งอยากถามว่าสำนักงบประมาณและ ครม.มีข้อมูลเชิงประจักษ์อะไรถึงตัดงบโดยไม่มีเหตุผล ทั้งที่งบที่เสนอขึ้นมานั้นผ่านการคิดคำนวณมาอย่างดีแล้ว และที่ออกมาเรียกร้องก็ไม่ได้มากเกินไปเลยเมื่อเทียบกับจำนวนที่จะเอาไปใช้กระตุ้นเศรษฐกิจอย่างแจกเงินเที่ยวคนละ 1,500 บาท และขอให้นายอนุทินทำตามที่มอบนโยบายไว้ว่า ขอให้ สปสช.จัดบริการอย่างเต็มที่ เรื่องเงิยนจะเป็นหน้าที่ของตนที่ไปคุย ครม.เอง ก็ขอให้รักษาสัญญา เพราะนี่คือหน้าที่ รมว.สธ.ในฐานะประธานบอร์ดสปสช. ที่ต้องดึงเงินคืนมาให้ครบทุกบาททุกสตางค์

นายธนพลธ์ ดอกแก้ว ประธานชมรมเพื่อนโรคไตแห่งประเทศไทย กล่าวว่า นายอนุทิน พูดชัดเจนว่าประเทศชาติรากฐานจะมั่นคงแข็งแรง ประชาชนต้องไม่ป่วย แต่มาตัดงบดูแลแบบนี้ถามว่าจะอยู่กันอย่างไร อย่างผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายกระทบ 100% แน่นอน เพราะมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้น แต่งบถูกตัดลง ที่สำคัญงบที่ให้ทุกปีก็ไม่พออยู่แล้ว เมื่องบเติมลงมาไม่พอ ก็จะกระทบทั้งค่าเตรียมเส้น ค่าฟอกไต หน่วยบริการจึงใช้ช่องว่างเรียกเก็บเงินผู้ป่วย ทำให้ผู้ป่วยเข้าไม่ถึงบริการถ้าไม่มีเงินจ่าย ตายแน่นอน จึงขอให้รัฐบาลชุดใหม่นี้คืนงบประมาณ 676 ล้านบาทนี้คืน

นายอภิวัฒน์ กวางแก้ว ประธานเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ประเทศไทย กล่าวว่า การกระทำของ ครม.ชุดที่ผ่านมา ขอใช้คำว่า โหดร้าย อำมหิตในการจัดสรรงบไม่เป็นธรรม ไม่จริงใจในการยกระดับคุณภาพชีวิตผู้ป่วย เพราะตัดงบออกไปมาก อย่างผู้ป่วยเอชไอวีรายใหม่มีปีละ 3 หมื่นคน ตัดงบไปก็จะกระทบหน่วยบริการ ผู้ป่วย การทำงานส่งเสริมป้องกันโรค คนติดเชื้ออยู่แล้ว 4 แสนคนในระบบจะอยู่อย่างไร พฤติกรรมตัดงบประมาณไม่ได้ใส่ใจสิทธิขั้นพื้นฐานประชาชนในการมีชีวิตอยู่ ครม.ชุดนี้ต้องเอาเงินกลับคืนมาให้ได้





กำลังโหลดความคิดเห็น